จากกรณีหลายประเทศทั่วโลกอยู่ระหว่างพิจาณาว่ามีความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 หรือไม่ และควรให้ความสำคัญในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับประชากรอายุเท่าไหร่ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างสำนักงานยายุโรป (EMA)และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป (ECDC)ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจาก EMA และ ECDC ซึ่งประชุมพิจารณาเรื่องวัคซีนบูสเตอร์หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับผู้สูงอายุ เสนอแนะให้ประเทศสมาชิกอียูฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เฉพาะกับผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ระบุว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า คนอายุต่ำกว่านี้มีความจำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มที่ 4 ด้วย
แต่ผู้เชี่ยวชาญจาก EMA และ ECDC จะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยุโรปอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีความจำเป็นที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุหรือไม่ ทั้งไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในอนาคตว่า ทั้ง EMA และ ECDC ในฐานะหน่วยงานสาธารณสุขของยุโรป อาจจะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่องนี้ เช่น อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะเดียวกัน ทั้งสองหน่วยงานให้ประเทศสมาชิกอียูใช้ดุลพินิจในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้เชี่ยวชาญจาก EMA และ ECDC ระบุว่าในปัจจุบัน ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนในการลดอัตราการป่วยหนักสำหรับคนอายุต่ำกว่า 80 ปีลดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีความจำเป็นที่พวกเขาต้องรับวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 เพื่อรักษาภูมิคุ้มกันในสูงอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญจาก EMA และ ECDC ระบุว่า ระยะเวลาการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 ของยุโรปส่วนใหญ่จะเริ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปี ซึ่งยังมีเวลามากพอที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของยุโรปจะกำหนดเรื่องวันเวลาที่ชัดเจนสำหรับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เพื่อแถลงให้สาธารณชนทราบต่อไป และบางที กลุ่มอียูอาจจะนำวัคซีนที่ปรับปรุงพัฒนาใหม่มาฉีดบูสเตอร์สำหรับผู้สูงอายุด้วย
ก่อนหน้านี้ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯอนุมัติเมื่อเดือนที่แล้วให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 สำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนอิสราเอล ซึ่งเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับบุคลากรการแพทย์ปลายเดือนมกราคม เปิดเผยผลวิจัยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ช่วยลดทั้งอัตราการติดโรคโควิด-19 และการป่วยหนัก
#อียู
#วัคซีนบูสเตอร์