เปิดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ สหรัฐ-อียู

          นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เตรียมคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมในวันนี้ หลังมีกระแสเรียกร้องให้สหรัฐฯและกลุ่มอียูคว่ำบาตรรัสเซียให้หนักยิ่งขึ้น หลังถูกกล่าวหาก่อเหตุสังหารหมู่พลเรือนชาวยูเครนในเมืองบูชา ทางภาคเหนือของกรุงเคียฟ มีคนเสียชีวิตระหว่าง 150-300 รายเมื่อเร็วๆนี้

         นางซากี กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯมุ่งจะลงโทษสถาบันการเงินรัสเซีย บริษัทของรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักธุรกิจชาวรัสเซียบางคน พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้มีการใช้เงินคลิปโตเครซี (Kleptocracy) หรือสกุลเงินดิจิทัลของรัสเซียมาเพื่อใช้จ่ายสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ทั้งคาดว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯจะรวมถึงการห้ามไม่ให้นักธุรกิจอเมริกันเข้าไปลงทุนโครงการใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย เพื่อลดการใช้อำนาจรัฐและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงให้กับรัสเซีย

           ด้านฝั่งยุโรป นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า คณะเอกอัคราชทูตจากกลุ่มอียูจะประชุมในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมในวันนี้ เพื่อตัดสินใจเรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม เช่น ห้ามกลุ่มอียูนำเข้าถ่านหินรัสเซียรวมมูลค่า 4,000 ล้านยูโรต่อปีและห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารชั้นนำ 4 แห่งของรัสเซีย, ห้ามเรือรัสเซียเข้าจอดเทียบท่ายังท่าเรือของประเทศสมาชิกอียู ยกเว้นในบางกรณีและห้ามผู้ประกอบธุรกิจด้านการขนส่งของกลุ่มอียูในยุโรปตะวันออก เช่น ลัตเวียและเอสโตเนีย ซึ่งมีชายแดนติดต่อกับรัสเซียอนุญาตให้มีการเดินรถเข้าไปยังรัสเซีย

          นอกจากนี้ กลุ่มอียูห้ามประเทศสมาชิกอียูส่งออกสินค้าเทคโนโลยีและเครื่องจักรบางประเภท รวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์ หรือ สารกึ่งตัวนำประสิทธิภาพสูง (advanced semiconductors) และห้ามสมาชิกอียูนำเข้า สุรา อาหารทะเลและไม้จากรัสเซีย ห้ามบริษัทรัสเซียเข้าร่วมประมูลทางธุรกิจ ในกลุ่มอียู  และในอนาคตจะพิจารณามาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย แต่นางฟอน เดอร์ เลเยน ยอมรับว่า ประเด็นเรื่องการห้ามนำเข้าพลังงาน เช่น เชื้อเพลิงจากรัสเซีย ยังคงเป็นประเด็นที่กลุ่มอียูยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน เนื่องจาก บางประเทศ เช่น เยอรมนี พึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย

          ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ กลุ่มอียูและอังกฤษ มีมติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คว่ำบาตรคณะบุคคลและบริษัทรัสเซียกว่า 1,000 คน/องค์กร รวมทั้งนักธุรกิจหลายคนที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย อายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางแห่งรัสเซีย เพื่อไม่ให้รัสเซียเบิกเงินสำรองต่างประเทศจำนวน 470,000 ล้านยูโร (หรือ 630,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)มาใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ตัดธนาคารของรัสเซียออกจากระบบบริการการเงินทั่วโลกหรือ Swift ซึ่งโดยปกติใช้เพื่อความสะดวกในการโอนเงินระหว่างประเทศ

#สหรัฐฯและอียู

#คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม