นายอดัม สกอเรอร์ ซีอีโอขององค์กรเนชั่นแนล เอ็นเนอร์ยี แอ็คชั่น (National Energy Action) เอ็นจีโอที่รณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงานของอังกฤษ เปิดเผยว่า ชาวอังกฤษได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพของชาวอังกฤษที่อยู่ในอัตราที่สูงมากว่าสิบปีแล้ว
ประชาชน 22 ล้านครัวเรือนจะมีค่าไฟฟ้าต่อปีเพิ่มเป็น 2,000 ปอนด์ หลังหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของอังกฤษปรับเพิ่มเพดานราคาค่าไฟร้อยละ 54 นับเป็นการปรับเพิ่มสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการกำหนดเพดานค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2560 สำหรับเพดานค่าไฟดังกล่าวได้แก่ ราคาค่าไฟฟ้าขั้นสูงสุดที่บริษัทการไฟฟ้าของอังกฤษสามารถคิดคำนวณค่าไฟฟ้าต่อหน่วย
ด้านมูลนิธิรีโซลูชัน ฟาวน์เดชั่น (Resolution Foundation) เอ็นจีโอที่รณรงค์ด้านการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในอังกฤษ ระบุว่า การปรับค่าไฟดังกล่าวจะทำให้ประชาชนราว 5 ล้านครัวเรือน มีอาการเครียดในเรื่องค่าไฟฟ้า โดยเฉลี่ย มูลนิธิรีโซลูชัน ฟาวน์เดชั่น คาดว่า ประชาชนจะจัดสรรค่าไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 10 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครัวเรือน ระบุว่า ตัวเลขประชาชนที่มีอาการเครียดในเรื่องค่าไฟฟ้าอาจจะเพิ่มเป็น 7.5 ล้านครัวเรือน หรือหนึ่งในสามของครัวเรือนทั้งหมด หลังเดือนตุลาคมนี้ ถ้าหากมีการปรับเพิ่มเพดานค่าไฟฟ้าต่อปีอีกครั้งเป็น 2,500 ปอนด์ในฤดูใบไม้ร่วงปลายปีนี้
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของอังกฤษปรับขึ้นค่าไฟฟ้าร้อยละ 12 ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งหลังสุดที่มีการปรับเพิ่มเพดานค่าไฟฟ้า หลังปัญหาขาดแคลนก๊าซธรรมชาติทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทพลังงานของอังกฤษปรับเพิ่มราคาเชื้อเพลิงต่างๆ รวมทั้งค่าไฟฟ้า
#อังกฤษ
#ค่าไฟแพง