IEA ประชุมฉุกเฉิน หารือแนวทางแก้ปัญหาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาแพง

          องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า IEA เรียกประชุมฉุกเฉิน 31ประเทศสมาชิกในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันดิบมีราคาแพงทั่วโลก รวมทั้งแผนการปล่อยน้ำมันเพิ่มเติมจากปริมาณน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรล ซึ่งบรรดาสมาชิก IEA ตกลงปล่อยจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ตามข้อตกลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พร้อมทั้งหารือแผนการของสหรัฐฯในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อควบคุมราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้ทรงตัว หลังทะยานขึ้นโดยต่อเนื่อง

          ที่ผ่านมา สมาชิก IEA หลายประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ระบุว่าพวกเขาพร้อมจะทำตามข้อเสนอแนะจาก IEA เรื่องการปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อช่วยทำให้ราคาน้ำมันดิบทรงตัว เช่น เกาหลีใต้ได้ปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ 4.42 ล้านบาร์เรลเข้าสู่ตลาด ตามข้อตกลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ขณะที่ นิวซีแลนด์ปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ 369,000 บาร์เรลเข้าสู่ตลาด ขณะที่ออสเตรเลียให้คำมั่นจะปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมัน 1.7 ล้านบาร์เรล

           ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ มีคำสั่งเมื่อวาน ให้ปล่อยน้ำมันดิบจากคลังปิโตรเลียมสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มจากเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำมันดิบที่ขาดหายไปจากตลาดหลังรัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร หลังรัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบเฉลี่ย 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนนี้

          ขณะเดียวกัน บรรดาประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก เช่น ประเทศจีนและอินเดีย พยายามจะหาทางลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันดิบมีราคาแพงทั่วโลก โดยราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นกว่าร้อยละ 30 ในปีนี้ แต่ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกคือ กลุ่มโอเปก และรัสเซีย หรือที่เรียกว่า กลุ่มโอเปก พลัส ยังคงทำตามแผนการผลิตน้ำมันดิบตามที่พวกเขาตกลงไว้คือ เพิ่มกำลังการผลิตเพียง 432,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤษภาคมนี้

#IEA

#น้ำมันดิบแพง