*กนง.ประชุมดอกเบี้ยนโยบาย/นายกฯคุมสลากไม่เกินราคาภายใน6เดือน/ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงนทท.ล้นสิมิลัน*

*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.

+++ประเด็นร้อน  คณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) จะแถลงผลประชุมตัดสินดอกเบี้ยนโยบายเวลา 14.00 น. ต้องติดตามว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่มีการแทรกแซง  นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 11 มี.ค. นี้เห็นว่ามีความจำเป็นที่กนง.ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอย่างต่ำร้อยละ  0.25 เพื่อดูแลเงินทุนไหลเข้าโดยเฉพาะภายหลังที่ธนาคารกลางยุโรปอัดฉีดเม็ดเงินผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ คิวอี ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมนี้ จำนวน 60,000 ล้านยูโรต่อเดือนซึ่งอาจทำให้ทิศทางค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้น

++แต่ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ไม่มีด้วยที่ กนง.จำเป็นที่จะต้องเร่งตัดสินใจ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 2% ลงมาเนื่องจากควรจะเก็บมาตรการนี้ไว้ใช้ยามจำเป็นจะดีกว่าโดยเฉพาะในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่จะมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามามากกว่าปัจจุบันได้แก่ แนวโน้มสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ช่วงกลางปีนี้ ขณะเดียวกัน ส.ค. 2558 ไทย ก็จะเริ่มดีเดย์มาตรการลดคุ้มครองเงินฝาก  แต่ภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งการลงทุนในประเทศในเรื่องของการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค (อินฟราสตรัคเจอร์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมองว่ารัฐควรจะเน้นการสร้างระบบ รถไฟเชื่อมจุดสำคัญๆ ระหว่างการค้าและการท่องเที่ยว โดยวางไว้ 4 จุดคือ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก โดยปรับให้เป็นระยะสั้นๆ แต่ละช่วง เช่น สายใต้ ก็ให้เน้นไปหัวหิน สายตะวันออกก็ให้มุ่งไประยองผ่านนิคมฯต่างๆ

++++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่าที่ประชุม เห็นชอบการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือลอตเตอรี่เกินราคา รวมทั้งให้กฎหมายทันสมัยและรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อกฎหมายภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ ครม.ได้หารือกันหลายเรื่องโดยเฉพาะจะทำอย่างไรจะให้ราคาลอตเตอรี่อยู่ในราคาคู่ละ 80 บาท และต้องแก้ให้แล้วเสร็จทั้งหมดใน 6 เดือน โดยจะพยายามทำให้ได้ในทุกวิถีทาง อาจขายทางตู้หรือผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติก็ได้ส่งโควตาไปที่จังหวัด เพื่อให้ทางจังหวัดเป็นผู้รวบรวมตัวแทนขายจะได้ไม่เดือดร้อนหรือจะขายในร้านสะดวกซื้อจะได้หรือไม่ แต่ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมการพนัน เดี๋ยวจะหาว่ารัฐบาลส่งเสริมการพนันอีก สลากฯเป็นความหวังคนจนแต่ซื้อทุกงวดไม่ไหว วันหลังจะลองเปลี่ยนรถนั่งทุกวัน และตั้งแต่ผมเปลี่ยนรถมายังไม่เห็นใครถูกหวยเลย แสดงว่าหวยไม่ได้ล็อก 

+++นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า จะเริ่มจากการนำโควตาลอตเตอรี่ที่จะหมดอายุในเดือนมิ.ย.และส.ค.นี้มาจำหน่ายก่อน โดยเชื่อว่าการกระจายการจำหน่ายลอตเตอรี่ให้ถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น จะเป็นการช่วยลดปัญหาเรื่องราคาแพง และลดการนำลอตเตอรี่มารวมชุดเพื่อโก่งราคาขายได้ โดยผู้ซื้อไม่สามารถเลือกซื้อเลขใดเลขหนึ่งในลักษณะหวย 2-3 ตัว หรือรูปแบบลอตโต้ในต่างประเทศได้ แต่เป็นการเพิ่มช่องทางให้ซื้อลอตเตอรี่แบบปกติที่มีการจำหน่ายอยู่เท่านั้น  ขณะเดียวกันนายกฯยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเจรจากับผู้ประกอบการ ที่เคยมีธุรกรรมกับรัฐในการขายสลากฯผ่านเครื่องอัตโนมัติ คือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัด ว่าจะสามารถทำได้หรือติดข้อกฎหมายหรือไม่

+++รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.สลากฯ พ.ศ. 2517 ของ ครม.ถือเป็นครั้งแรกที่การแก้ไขกฎหมายได้รับความเห็นชอบจากมติของ ครม.ในรอบ 40 ปี โดยผ่านการพิจารณาภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยมากขึ้น เนื่องจากกฎหมายฉบับดังกล่าวใช้มาเป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาคนกลางและคนกินส่วนต่าง เพื่อให้ราคาสลากฯ ไม่ขายเกินราคาอีกต่อไป

++++ด้านนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับเรื่องของบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี (แอลทีจี) ที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ ในการทำโครงการจำหน่ายสลากฯเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวผ่านเครื่องจำหน่ายสลากฯอัตโนมัตินั้น จากการสอบถามทีมกฎหมายเห็นว่าทางล็อกซเล่ย์ จีเทค น่าจะยังคงมีสิทธิในการทำโครงการนี้ต่อ เพราะเป็นคู่สัญญาเดิมอยู่และเครื่องจำหน่ายสลากก็ยังมีอยู่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 56 บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทค ได้ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจเครื่องจำหน่ายสลากแล้วกว่า 6,000 เครื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเรื่องการออกสลากฯแบบออนไลน์ในขณะนั้น แต่โครงการนี้ก็ล้มไปอีกครั้งหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

+++การจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาเอกชนที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีเงินได้ที่ได้รับจากการประกอบกิจการดังกล่าวทั้งที่เป็นกำไรสุทธิหรือผลตอบแทน และเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี ซึ่งกระทรวงการคลัง คาดว่า จะสามารถจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ปีละประมาณ 1,200 ล้านบาท

++++นายอนุสรณ์ ศิวะกุล นายกสมาคมผู้บริหารและครูโรงเรียนกวดวิชา เปิดเผยว่า ภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง เนื่องจากเดิมโรงเรียนจะมีกำไรร้อยละ 20 หลังหักค่าใช้จ่าย แต่เมื่อมีภาระจากภาษีเพิ่มขึ้นอีก 15-20% กำไรก็จะเหลือเพียง 7%  จากนี้ กลุ่มโรงเรียนกวดวิชาจะไปขอคำตอบที่ชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพื่อจะได้ทราบอุปสรรคในการดำเนินกิจการ โดยการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้ รวมถึงค่าบริหารจัดการ และต้องพ้นจากสถานะกึ่งการกำกับดูแลจากรัฐไปเป็นเอกชนเต็มตัว  พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงการปรับเพิ่มค่ากวดวิชา เพราะมีหน่วยงานควบคุมการคิดค่าเรียน หากจะขึ้นก็ต้องขออนุญาตไม่ใช่ขึ้นตามใจชอบ

++++แหล่งข่าวระดับสูงในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่าได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากมีการเผยแพร่ภาพทางสังคมออนไลน์ ระบุว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปมากเกินขีดการรองรับของอุทยาน ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งปะการังเสียหาย ทิ้งขยะและปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเล ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย ทั้งนี้ได้แต่งตั้งให้นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นประธานในการสอบสวนครั้งนี้ คาดว่าจะทราบผลภายใน 30 วัน   นายณัฐ โก่งเกสร หน.อช.หมู่เกาะสิมิลัน ยืนยันว่าไม่ได้มีการปล่อยน้ำเสีย หรือขยะลงสู่ทะเลบริเวณเกาะตาชัย ในพื้นที่แต่อย่างใด แต่ก็ยอมรับว่าปัญหานักท่องเที่ยว ล้นเกาะนั้นเกิดขึ้นจริง ซึ่งทางอุทยานพยายามแก้ไขมาเบื้องต้นนี้ทางอุทยานได้ใช้วิธีการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ อาทิ แหล่งดำน้ำตื้น จุดดำน้ำลึก เกาะเมียง เกาะแปด หรือเกาะสิมิลัน เกาะตาชัย และเกาะบัว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแออัดคับคั่ง เกินขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้  "ตามภาพถ่ายที่แชร์กันในสังคมออนไลน์นั้น เป็นแนวปะการังน้ำตื้นชนิดปะการังสีน้ำเงินบริเวณชายฝั่งทะเล เกาะตาชัย ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวเมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่คราบน้ำมันหรือคราบน้ำเสีย ที่เกิดจากการปล่อยของเสียลงสู่ทะเล"