ผู้เชี่ยวชาญด้านสธ.สหรัฐฯ ชี้วัคซีนล้นตลาด หลังคนไม่ให้ความสำคัญฉีดเข็มกระตุ้น

          นายสก็อต โรเซนสไตน์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านสาธารณสุขของบริษัทยูเรเซีย กรุ๊ป ซึ่งมีสำนักงานในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เปิดเผยว่า หลังเร่งขยายกำลังการผลิตวัคซีน ตามคำสั่งซื้อวัคซีนจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งในระยะแรกๆดูเหมือนว่าผลิตวัคซีนเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความต้องการที่สูงมาก แต่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมวัคซีนทั่วโลกเริ่มมีคำสั่งซื้อวัคซีนลดลง และมีผู้ผลิตวัคซีนใหม่ๆเข้ามาแข่งขันด้วย ทำให้การเติบโตของตลาดวัคซีนทั่วโลกชะลอตัวลง

          ด้านบริษัทวิเคราะห์ตลาด แอร์ฟินิตี้ (Airfinity) คาดว่า บริษัทวัคซีนทั่วโลกจะผลิตวัคซีนรวมกว่า 9,000 ล้านโดสในปีนี้ แต่ความต้องการวัคซีนทั่วโลกจะอยู่ที่ 2,200-4,400 ล้านโดสต่อปี ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

          รายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กในเดือนนี้ ชี้ว่า ตัวเลขคาดการณ์รายได้รวม 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขายวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์, โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้าและบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในปีนี้ สูงกว่ายอดขายเมื่อปีที่แล้วเล็กน้อย อาจจะเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่สูงเกินไป อ้างเหตุผลว่า ความสนใจของประชาชนในอิสราเอลในการรับวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 ไม่คึกคักเท่ากับการรับวัคซีน 3 เข็มแรก นับเป็นดัชนีแรกๆที่ชี้ว่ากระแสความต้องการวัคซีนจะเริ่มมีแนวโน้มลดลงทั่วโลก

          นอกจากนั้นเมื่อคนส่วนใหญ่ทราบว่า ไวรัสโอไมครอนไม่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น อีกทั้งการฉีดวัคซีนก็ไม่สามารถป้องกันไวรัสโอไมครอน แต่ทำให้อาการลดลง ส่งผลให้ความต้องการรับวัคซีนบูสเตอร์ของประชาชนลดลง ทั้งความจำเป็นในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์อาจจะค่อยๆลดลง เมื่อเทียบกับช่วงแรกๆของการแพร่ระบาด ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตวัคซีนท้องถิ่นในหลายประเทศ เช่น อินเดียและอินโดนีเซียสร้างโรงงานผลิตวัคซีนขนาดใหญ่เพื่อผลิตวัคซีนเช่นกัน ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าปริมาณวัคซีนอาจจะล้นตลาดโลกในอนาคตอันใกล้

#ตลาดวัคซีนทั่วโลก

#โควิด