ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ(CDC)ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทารกแรกเกิดอายุต่ำกว่า 6 เดือนและเด็กวัย 5 ขวบขึ้นไปเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าปกติ 6 เท่าในช่วงการระบาดระลอกล่าสุดของไวรัสโอไมครอน ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคมปีที่แล้วจนถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดของไวรัสเดลตาระหว่างวันที่ 27 มิถุนายนถึงวันที่ 18 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยเฉพาะเด็กทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนคนไข้เด็กทั้งหมดที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงเวลาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ไวรัสโอไมครอนอันตรายสำหรับเด็ก โดยเฉพาะทารก
CDC ระบุว่า เด็กจากครอบครัวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิก (Hispanic) หรือพูดภาษาสเปน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของประชากรทั้งหมด 332 ล้านคนของสหรัฐฯ มีอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ร้อยละ 28 รองลงมา คือ เด็กจากครอบครัวอเมริกันผิวดำ ซึ่งมีประชากรคิดเป็นร้อยละ 13 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลร้อยละ 23
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การที่เด็กผิวสีติดไวรัสโอไมครอนในอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มประชากรอื่นๆอาจจะเป็นผลจากการที่พ่อแม่ของเด็กจากครอบครัวผิวสีส่วนใหญ่ทำงานที่ต้องพบกับผู้คน ทำให้พวกเขาเสี่ยงติดโรคโควิด-19 มากกว่ากลุ่มอื่นๆ อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวใหญ่ คนหลายรุ่น อาศัยอยู่ด้วยกัน เช่น อยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย
สำหรับเด็กเชื้อสายเอเชีย หรือมีพื้นเพจากหมู่เกาะอื่นๆในมหาสมุทรแปซิฟิก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6 ของประชากรของสหรัฐฯ เข้าโรงพยาบาลในอัตราร้อยละ 6 ขณะที่ เด็กจากครอบครัวอเมริกันผิวขาว ซึ่งมีสัดส่วนประชากรร้อยละ 61.6 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ มีอัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 คนของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ
ด้าน ผศ.จูเลีย ราอิฟมาน อาจารย์ประจำวิชากฎหมายสาธารณสุข นโยบายและการบริหารจัดการ จากคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัยครั้งนี้ ระบุว่า การทราบผลวิจัยเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเด็ก โดยเฉพาะทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ทั้งคนที่มีสิทธิ์รับวัคซีน เช่น สตรีมีครรภ์ สมาชิกในครอบครัวอายุ 5 ปีขึ้นไป ตลอดถึงผู้ดูแลเด็กจะต้องรับวัคซีน เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวปลอดภัย
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนกว่า 1,000 รายเสียชีวิตนับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดในสหรัฐฯ เมื่อปี 2563 ในจำนวนนี้ รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 350 ราย
#สหรัฐฯ
#ผู้ป่วยเด็ก