ธปท.จะทบทวน GDP ในการประชุมกนง.สิ้นเดือนนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.4%

          ดร.ปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะทบทวนประมาณการอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 65 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 30 มี.ค.65 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.4% เหตุจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากที่คาดการณ์ว่าจะมีเข้ามา 5.6 ล้านคน

         นอกจากนั้น ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คาดว่า จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งทะลุกรอบเป้าหมายทั้งปี ซึ่ง ธปท.คาดการณ์ไว้ที่ 3% ขณะที่ สำนักวิจัยเศรษฐกิจต่างๆ ล้วนลดเป้าจีดีพีและประเมินผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครนที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไปในทิศทางเดียวกัน

         KKP Research โดยเกียรตินาคิน ภัทร ประเมินว่า ผลของสงครามเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เนื่องจาก พึ่งพาการใช้น้ำมันสูงกว่าชาติอื่น เช่นเดียวกับ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไทยได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางมาก

         ปีนี้ KKP Research ปรับคาดการณ์จีดีพีโตเหลือ 3.2% จากเดิม 3.9% และปรับประมาณการเงินเฟ้อจากเดิม 2.3% เป็น 4.2% จากต้นทุนการผลิตและต้นทุนราคาพลังงานที่สูงขึ้น ประเมินว่าราคาน้ำมันจะแตะระดับสูงสุดเฉลี่ย 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 และราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไตรมาส 2 ของปี คาดว่า เงินเฟ้อ จะแตะระดับสูงสุดที่ 5.5% ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง การส่งออกชะลอตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

         สำหรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นเพียงผลกระทบขั้นแรก ยังมีโอกาสที่ราคาสินค้าอื่นๆ จะสูงขึ้นตามอีก โดยราคาอาหารจะปรับเพิ่มตามราคาพลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กลุ่มสินค้าจำเป็นส่วนใหญ่ถูกคุมราคาโดย กรมการค้าภายใน แต่ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มโดยทั่วไปจะยังคงปรับราคาขึ้นราว 6% และสินค้าบางประเภทอาจปรับตัวสูงขึ้นมาก เช่น ผักผลไม้เพิ่มขึ้น 14% ข้าว 9% และเนื้อสัตว์ 7% เนื่องจากต้นทุนเพิ่มจากค่าขนส่ง

#แบงค์ชาติ

#ปรับGDP