*คมนาคมประชุมรถไฟไทย-จีน/รื้อโครงสร้างราคาขายก๊าซให้โรงไฟฟ้า/เด็กไทยวัยประถมอยู่นอกระบบการศึกษาเกือบ6แสนคน*

10 มีนาคม 2558, 08:45น.


ในวันนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีคมนาคม จะประชุม คณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 3 เพื่อหาข้อสรุปรายละเอียดความร่วมมือด้านการลงทุนและแหล่ง เงินทุน



ส่วนที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีนายสมชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน เชิญนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องการเงิน การคลัง การภาษีอากร และการงบประมาณ โดยมีการเสนอให้ปรับปรุงการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยขยายช่วงรายได้ให้กว้างขึ้น เพื่อทำให้กลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีเข้ามาในระบบมากขึ้น โดยนายสมหมายรับจะนำไปหารือต่อไป นอกจากนี้ยังเสนอให้กระทรวงการคลังช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยต้องการให้เปิดเผยรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง และเห็นว่าการคำนวณระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างควรจะนำไปใช้ประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง และนำรายได้ส่วนหนึ่งมาสนับสนุนการจัดตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อช่วยประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน



ทั้งนี้ นายสมหมายคาดว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยอัตราจัดเก็บภาษีจะประกาศออกมาจะเป็นอัตราต่ำกว่าเพดานกฎหมายกำหนด โดยที่ดินเพื่อการเกษตรเก็บร้อยละ 0.05 , บ้านที่อยู่อาศัยร้อยละ 0.1 ,  และที่ดินเชิงพาณิชย์และรกร้างว่างเปล่าร้อยละ 0.2 จากอัตราเพดานตามกฎหมาย กำหนดให้ ที่ดินที่ใช้เพื่อเกษตรกรรม จัดเก็บในอัตราสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.25 ของมูลค่าราคาประเมินหักค่าเสื่อม , ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัย จัดเก็บสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.5 และที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่นนอกจากนี้ เช่น ที่ดินเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ และที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามควร จัดเก็บในอัตราร้อยละ 2 อย่างไรก็ตามเพื่อลดแรงต่อต้าน กระทรวงการคลังจะทบทวนอัตราการลดหย่อนภาษีใหม่



ด้านคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เตรียมรื้อโครงสร้างราคาก๊าซเอสพีพี ซึ่ง นายไกรสีห์ กรรณสูตร กรรมการ กกพ. เปิดเผยว่า สูตรราคาก๊าซที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขายให้กับโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(เอสพีพี) ยังแพงกว่าราคาที่ขายให้กับโรงไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ประกอบกับการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้ต่อสัญญาโรงไฟฟ้าเอสพีพีที่จะหมดอายุสัญญาในปี 2560 เป็นต้นไป แต่จะต้องขายไฟฟ้าในราคาใกล้เคียงกับไอพีพี ดังนั้นทางกกพ.จึงพิจารณาว่าควรมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซที่ขายให้กับเอสพีพีทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม



ด้าน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ก็พร้อมปฏิบัติตามโครงสร้างใหม่ สำหรับแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในปีนี้ จะมีแอลเอ็นจีที่ทำสัญญาระยะยาวจากกาตาร์จำนวน 2 ล้านตันเข้ามา ส่วนที่เหลือจะนำเข้าจากตลาดจรอีก 2 ล้านตัน เทียบกับปีที่แล้วนำเข้าประมาณ 2 ล้านตัน โดยปตท.ต้องการจัดเก็บแอลเอ็นจีให้เต็มความสามารถของคลังซึ่งยังเหลือพื้นที่รองรับได้ 3 ล้านตัน เพราะมีความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น



จากกรณีที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวกร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์กว่า 12,000 ล้านบาท โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่พระครูปลัดวิจารย์ ธีรังกุโร ที่มีชื่อในเช็ครับเงินจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำนวน 119 ล้านบาท ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นวันที่ 19 มีนาคม โดย อ้างติดภารกิจ



และเรื่องของที่ดินทำกิน ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ของกองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือส.ป.ก. แบบสุ่มตรวจสอบการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินของกองทุนที่ให้เกษตรกรเช่าซื้อที่ดิน โดยเกษตรกรได้จัดทำสัญญาเช่าซื้อที่ดิน พร้อมทั้งจ่ายเงินเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อโดยการผ่อนชำระให้กับกองทุนเป็นรายงวด พบว่ามีเกษตรกร 28 จังหวัด กว่า 5 พันราย ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพร้อมทั้งได้จ่ายเงินเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อที่ดินครบถ้วนแล้ว แต่กองทุนยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้  จึงได้ตั้งข้อสังเกต ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินต่อไป



ปิดท้ายที่เรื่องการศึกษา นายอิชิโร มิยาซาวา ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้หนังสือและการเรียนรู้ตลอดชีวิต องค์การยูเนสโก เปิดเผยรายงานผลการศึกษา "นวัตกรรมการจัดหาเงินทุนเพื่อการศึกษาเด็กและเยาวชนนอกระบบ" ที่พบว่า การจัดการศึกษาให้เด็กเยาวชนอย่างเท่าเทียมกันยังเป็นปัญหาในระดับนานาชาติ รวมทั้งประเทศไทย โดยทั่วโลกยังมีเด็กวัยประถมศึกษาที่ยังอยู่นอกระบบการศึกษา 67 ล้านคนโดยอยู่ในไทยจำนวนสูงถึง 586,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับประชากรวัยเรียน โดยอยู่ในอันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของอาเซียน โดยอันดับ 1 คือ อินเดีย ตามด้วยปากีสถาน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ และไทย อย่างไรก็ตามยอมรับว่า การที่ระบบการนับจำนวนเด็กนอกระบบของประเทศอื่นๆ ในอาเซียนยังขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพม่าและกัมพูชา



ทั้งนี้ สถานการณ์ของเด็กเยาวชนด้อยโอกาส อยู่นอกระบบการศึกษาในประเทศไทยมีความรุนแรงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน โดยดร.นิโคลัส เบอร์เนตต์ อดีตรองผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารโลก วิเคราะห์ว่า จะส่งผลต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจของไทยคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 330,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 ของจีดีพีในทุกปี แต่ระบบการศึกษาไทยยังให้ความสำคัญต่อปัญหาไม่เพียงพอเมื่อพิจารณาจากทรัพยากรที่ถูกจัดสรรให้เด็กเยาวชนเหล่านี้เพียงร้อยละ 2 ของงบประมาณการศึกษาไทยเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่ารัฐบาลในหลายประเทศไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ เพราะนักการเมืองและข้าราชการมักคิดถึงฐานเสียง กลุ่มผลประโยชน์ และงบประมาณของหน่วยงานของตนเป็นลำดับแรก



*-*

ข่าวทั้งหมด

X