นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องผ่านสื่อออนไลน์ ว่าการดื่มสุราจะทำให้ไม่ติดเชื้อโควิด-19 และให้ผลดีกว่าการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง โดยยืนยันว่าการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ดื่ม เพราะสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดพิษต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ทำให้สมองเสื่อม ความคิดความจำบกพร่อง เกิดไขมันสะสมในตับ ตับอักเสบ และเกิดภาวะตับแข็งตามมา เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โดยพิษแบบเฉียบพลัน จะทำให้ขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือทะเลาะวิวาทได้ง่าย
ในผู้ที่ดื่มสุราอย่างมีความเสี่ยง ซึ่งหมายถึงผู้ที่ดื่มมากกว่าตั้งแต่ 5 วันต่อสัปดาห์ขึ้นไปและดื่มวันละมากกว่า 2 ดื่มมาตรฐาน ซึ่งเทียบได้กับเบียร์ 1.5 กระป๋อง, เหล้าแดง 4 ฝา, ไวน์ 2 แก้ว, เหล้าขาว 2 เป๊ก จะทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ขาดความรับผิดชอบ เสี่ยงต่อการเกิดอาการทางจิต เช่น ซึมเศร้า อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว หวาดระแวง ระบบความจำบกพร่อง สับสนไม่รู้วัน เวลา สถานที่ สมองเสื่อม มีปัญหาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความผิดปกติทางอารมณ์และพฤติกรรม
ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ ภูมิคุ้มกันร่างกายจะลดลงทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานฆ่าเชื้อโรคในร่างกายได้ไม่เต็มที่มีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่าย และหากมีการรวมกลุ่มเพื่อดื่มสุรา ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19ได้อย่างรวดเร็ว
นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการถอนสุรารุนแรง ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด บางรายต้องใช้เครื่องให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง มีความเสี่ยงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตสูงเมื่อเทียบกับคนไข้ที่ไม่มีประวัติดื่มสุรา
...
#กรมการแพทย์