นายแบรด ฮาซซาร์ด รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย เตือนว่า โครงการวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือวัคซีนเข็มที่ 3 ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งดำเนินการอย่างล่าช้า ประชาชนกว่า 2 ล้านคนจากจำนวนผู้มีสิทธิ์รับวัคซีนบูสเตอร์ 8 ล้านคนยังไม่ไปรับวัคซีนบูสเตอร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 อาจจะกลับมาระบาดใหญ่ในออสเตรเลียในช่วง 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า โดยเฉพาะสายพันธุ์ BA.2 สายพันธุ์ย่อยจากไวรัสโอไมครอนซึ่งจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในออสเตรเลียในอนาคต
สำหรับรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีประชากร 25 ล้านคน เพียงร้อยละ 59 ของประชากร 25 ล้านคน รับวัคซีนบูสเตอร์แล้ว ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วประเทศคือ ร้อยละ 65 ออสเตรเลีย เร่งหาทางสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน หลังมีผู้ป่วยใหม่ และผู้ป่วยที่มีอาการหนักจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงทรงตัวมาตลอด 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐส่วนใหญ่ของออสเตรเลียเริ่มผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่น การบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะ ขณะที่บริษัทห้างร้านส่วนใหญ่ของออสเตรเลียอนุญาตให้คนงานเข้าทำงานยังออฟฟิสแล้วจากเดิมที่ให้คนงานทำงานที่บ้าน
องค์การอนามัยโลกเตือนในเดือนที่แล้ว ระบุข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ BA.2 ดูเหมือนจะแพร่ระบาดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิมคือ BA.1 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักระบาดวิทยาของออสเตรเลีย ขอให้รัฐบาลออสเตรเลียพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เช่น การบังคับสวมหน้ากากอนามัยในห้างสรรพสินค้าและในอาคารสถานที่สาธารณะอื่นๆ
แต่นายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสันของออสเตรเลีย กล่าวว่า ผู้นำทางการเมืองส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย ต้องการจะให้ออสเตรเลียเดินหน้านโยบายรณรงค์ให้ประชาชนปรับตัวอยู่กับโรคโควิด-19 พร้อมทั้งปรับลดโควิด-19 จากโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัดทั่วไป
ส่วนสถานการณ์การระบาดในวันนี้ ออสเตรเลียพบผู้ป่วยใหม่ 19,683 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3.6 ล้านคน เสียชีวิต 5,590 ราย
#ออสเตรเลีย
#สถานการณ์โควิด