ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ(CCDC)ของจีน เปิดเผยผลการศึกษาโดย CCDC พบว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในมณฑลกวางตุ้ง ศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมทางภาคใต้ของประเทศอาจจะสูงกว่า 75,000 คนต่อวัน หากจีนยกเลิกนโยบายลดโรคเหลือศูนย์ เช่น การล็อกดาวน์ และเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ พร้อมย้ำว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายลดโรคเหลือศูนย์ต่อไป รวมถึงการรณรงค์ให้ประชาชนทำตามมาตรการทางสาธารณสุข เช่น สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคมและล็อกดาวน์ แม้ว่าประชาชนจำนวนมากจะได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ผลการศึกษาของ CCDC บ่งชี้ว่า หากจีน ปรับเปลี่ยนมาใช้นโยบายปรับตัวอยู่กับโควิด-19 ผู้ป่วยสะสมต่อปีของประเทศจีนจะสูงถึง 6.85 ล้านคน และผู้เสียชีวิตสูงถึง 64,626 ราย หากเปิดประเทศตามปกติ ตัวเลขผู้ป่วยสะสมจะสูงถึง 10 ล้านคน ตรงกันข้าม หากจีนยังคงใช้นโยบายลดโรคเหลือศูนย์ในปัจจุบัน รวมทั้งกักตัวผู้โดยสาร 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ป่วยใหม่จะอยู่ในอัตราต่ำ ส่วนตัวเลขนักเดินทางต่างชาติที่เข้าไปยังประเทศจีนจะค่อยๆฟื้นตัวมาอยู่ที่อัตราร้อยละ 20
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายเริ่มมีตรวจสอบนโยบายลดโรคให้เหลือศูนย์ของจีนว่า มีประสิทธิภาพในการสกัดการแพร่ระบาด หรือไม่ หลังจากมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีชายแดนติดต่อกับฮ่องกง กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหม่ของไวรัสโอไมครอนในประเทศ พบผู้ป่วยใหม่ 75 คนเมื่อวาน จนกระทั่งรัฐบาลท้องถิ่นสั่งให้ล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น เมืองเอกของมลฑลกวางตุ้ง เมื่อวานนี้ ปิดระบบคมนาคม เช่น รถประจำทาง ให้ประชาชนอยู่บ้าน พร้อมส่งเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขไปตรวจโรคในชุมชน เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ จีนพบผู้ป่วยใหม่ 1,437 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 116,902 คน เสียชีวิต 4,636 ราย
#ประเทศจีน
#สถานการณ์โควิด