สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ! หอการค้าไทยจับตาภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันสูง จีดีพีปีนี้อาจโตแค่ 2.7%

09 มีนาคม 2565, 15:59น.


          สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน  นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มยืดเยื้อแม้ว่า ค่าเงินรูเบิลจะอ่อนค่าลงเป็นอย่างมาก แต่เศรษฐกิจของรัสเซียยังมีความเข้มแข็งมากพอสมควร รวมทั้งยังดูเหมือนว่ารัสเซียจะยังไม่ได้ใช้กำลังทางทหารอย่างเต็มที่ สะท้อนให้เห็นว่ายังมีโอกาสในการเจรจาอยู่ แต่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป



         ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจของไทยหดตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลยังสามารถตรึงราคาน้ำมันได้จนถึงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้อาจจะต้องเตรียมแผนรับมือล่วงหน้า เพราะสถานการณ์มีโอกาสยืดเยื้อสูง ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อไปทั้ง



          โดยหอการค้าไทย กำลังติดตามต้นทุนราคาสินค้าที่จะสูงขึ้นหลังจากนี้ ยกตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทธัญพืชต่างๆทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น อาจประสบภาวะขาดแคลน สิ่งเหล่านี้จะกระทบกับต้นทุนสินค้าอาหาร นอกจากนั้น วัตถุดิบจำพวกสินแร่ต่าง ๆ (Rare Earth) อาจจะกระทบกับการผลิตแผงวงจรไฟฟ้า และการผลิตชิพ และอาจทำให้ต้นทุนการนำเข้าของบางสินค้ากระทบด้วย จึงขอให้ภาครัฐและภาคเอกชนเตรียมตัวรับมือในเรื่องดังกล่าวด้วย



       สินค้าอีกกลุ่มที่หอการค้าไทยกังวลอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องราคาปุ๋ยที่จะแพงขึ้น เพราะไทยนำเข้าปุ๋ยประมาณ 5 ล้านตันต่อปี หากราคาปุ๋ยมีราคาสูงขึ้น เกษตรกรก็จะใส่น้อยลง ผลผลิตก็จะน้อยลงตามไปด้วย อันหมายถึงรายได้ของเกษตรกรที่จะหายไป ซึ่งปัญหานี้คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน ดังนั้น รัฐบาลควรเตรียมแนวทางหรือมีนโยบายในการแก้ไขปัญหานี้ เช่น การหาแหล่งนำเข้าแห่งใหม่จากประเทศอื่น หรือแนวทางการนำปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ทดแทน ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการปรับสูตรปุ๋ยใหม่ให้เหมาะสมกับช่วงนี้

          ขณะเดียวกันหอการค้าไทยจะเร่งหารือกับภาครัฐต่อไป เพื่อเป็นทางออกให้ผู้ประกอบการในด้านผลกระทบจากการนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-รัสเซีย และไทย-ยูเครน แม้ว่ามีผลกระทบโดยตรงไม่มากนัก แต่ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะผลกระทบทางอ้อมเยอะมาก และกระทบไปทั่วโลก



          นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังมีความเป็นห่วงว่า เศรษฐกิจของไทยจะมีโอกาสเกิด stagflation หรือภาวะที่มีเงินเฟ้อสูงในขณะที่เศรษฐกิจยังเติบโตต่ำ ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากเกินกว่ารายได้ที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งไทยควรวางตัวเป็นกลางในเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ เพื่อให้สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศได้ตามปกติ สำหรับนักท่องเที่ยวรัสเซีย-ยูเครนที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทย ประเทศไทยควรจะมีมาตรการดูแลช่วยเหลือให้เหมาะสมด้วย





          นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผยว่า ผลกระทบข้อพิพาทรัสเซีย-ยูเครนที่มีต่อเศรษฐกิจไทยนั้นผลกระทบทางตรงต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังพื้นที่พิพาทลดลง 70-90% เนื่องจากกำลังซื้อหดตัวลงมา ขณะที่การขนส่งมีความยุ่งยากใช้เวลาและมีต้นทุนสูง นอกจากนี้รายได้จากนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มหายไป 80-100% เนื่องจากกำลังซื้อในพื้นที่หดตัวลงมาก การเดินทางมีความยุ่งยาก

          ส่วนต้นทุนวัตถุดิบต้องจัดหาแทนจากพื้นที่อื่นๆเพิ่มขึ้น เช่นธุรกิจหาอาหารสัตว์ จะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยสินค้าที่ไทยนำเข้ารัสเซียอันดับแรกๆ คือน้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช ขณะที่ยูเครนนำเข้าพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และเหล็ก

          ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมคือค่าเงินบาทผันผวน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบมีโอกาสแตะ120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น และทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนลดลง

          ทั้งนี้การประเมินมูลค่าความเสียหายจากกรณีพิพาทฯ ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ในกรณีแย่ที่สุด ความขัดแย้งยืดเยื้อทั้งปี 2565 จะทำให้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนเสียหาย 78,800 ล้านบาท การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบ/พลังงานที่พุ่งสูงขึ้น เสียหาย 60,500 ล้านบาท การส่งออกสินค้าเสียหาย 54,800 ล้านบาท รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเสียหาย 50,400 ล้านบาท รายได้จากการส่งแรงงานไปท้างานต่างประเทศเสียหาย 250 ล้านบาท รวมความเสียหายทั้งหมด 244,750 ล้านบาท หรือกระทบต่อจีดีพี 1.5% ส่งผลจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 2.7% และเงินเฟ้อสูงถึง 4.5-5.5%

          ขณะที่หากกรณีแย่ระดับกลางที่ความขัดแย้งจบใน 6 เดือน ความเสียหายจะอยู่ที่ 146,850 ล้านบาท กระทบต่อจีดีพี 0.9% ส่งผลจีดีพีทั้งปีอยู่ที่ 3.3% และเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.5-4.5 % อีกกรณีแย่น้อยสุด ความขัดแย้งจบใน 3 เดือน เศรษฐกิจไทยจะเสียหาย 73,425 ล้านบาท กระทบต่อจีดีพี 0.5% ส่งผลจีดีพีทั้งปีอยู่ที่ 3.7% และเงินเฟ้อสูง 3.0-3.5%



 



#รัสเซียยูเครน



#เศรษฐกิจไทย

ข่าวทั้งหมด

X