*DSIเตรียมเรียกสอบผู้รับเช็คสหกรณ์/เครือข่ายชาวพุทธเตรียมฟ้องพระพุทธะอิสระ/สศช.เตือนภัยแล้ง*

เมื่อวานนี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการประชุมติดตามความคืบหน้าคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และวัดพระธรรมกายเปิดเผยผลการตรวจสอบเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 878 ฉบับ จำนวนเงินรวม 11,367 ล้านบาท สามารถแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม โดยกรณีการโอนย้ายออกจากบัญชีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปอยู่ในบัญชีของวัดพระธรรมกายนั้น ทาง ดีเอสไอพยายามแยกว่าได้รับโอนมาจากสหกรณ์ฯ หรือมาจากเงินบริจาค โดยยอมรับว่า วัดพระธรรมกายมีเงินจำนวนมาก ทำให้การตรวจสอบต้องใช้เวลา ส่วนการตรวจสอบ มูลนิธิพระครูปลัดวิจารณ์ ที่ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ยังไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเงินที่มีการยักยอกไปในช่วงระหว่างปี 2552-2555 จำนวน 119 ล้านบาท

ในส่วนของการสอบสวนนั้น จะเริ่มจากการสอบปากคำผู้รับเช็คทั้งหมดมาสอบปากคำตามลำดับความสำคัญของกลุ่มผู้รับเช็ค โดยกลุ่มแรกที่เรียกเข้าให้ปากคำคือ กลุ่มพระ และวัด จำนวน 4 ราย คือ พระครูปลัดวิจารณ์ ในวันนี้เวลา 10.00 น. พรุ่งนี้คือพระธัมมชโย จากนั้นวันที่ 11 มีนาคม คือพระมนตรี สุตาภาโสและวันที่ 13 มีนาคมคือ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ส่วนกลุ่มนิติบุคคลซึ่งมีจำนวนหลายรายที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร สั่งจ่ายเช็คจำนวน 200 ฉบับ ก็จะเรียกสอบปากคำเช่นกัน

ด้านสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) และเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ประกาศยุติการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 12 มีนาคมนี้ เนื่องจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศยุติบทบาทในการเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางสนพ.และเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ยังเรียกร้ององค์กรต่างๆ และพุทธบริษัทเอาผิดพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพระพุทธะอิสระ ทั้งทางพระธรรมวินัยและกฎหมาย เพื่อให้หยุดคุกคามพระศาสนา สร้างความแตกร้าวในศาสนจักร ใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม  โดยในวันที่ 14 มีนาคมนี้  จะนำหลักฐานว่าด้วยเรื่องของนิคหกรรมไปยื่นต่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปัญญาสิริ ป.ธ.9) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดพระปฐมเจดีย์และจะแวะสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาด้วย

ส่วนในเฟซบุ๊กของพุทธะอิสระ ที่ใช้ชื่อว่า "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" มีการโพสต์ข้อความระบุว่าเมื่อคืนตอนตี 3 มีมือดีบุกมายิงป้ายหน้าวัดอ้อน้อย ซึ่งร.ต.ท.ไชยวัฒน์ ทองคงหาญ พนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดเผยว่ารับแจ้งจากพระศิริชัย สุรัตนโสภโณ วัดอ้อน้อย ธรรมะอิสระ ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนและไม่ทราบว่าเป็นใคร ใช้อาวุธปืนยิงป้ายหน้าวัดบริเวณหน้าโรงเจ ติดกับถนนมาลัยแมน เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมพนักงานสอบสวนเดินทางไปตรวจสอบ และสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ระว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด จากฝั่งตรงข้ามวัดอ้อน้อยจึงได้ออกมาดู เห็นรถยนต์สีบรอนซ์เงินขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองนครปฐม ฝั่งตรงข้ามวัดบริเวณร้านอาหารครัวผู้ใหญ่ยิ้ม

วันนี้ยังต้องติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดรถจักรยานยนต์ ที่สถานีรถไฟรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวานนี้ ทำให้มีทหารพราน และชาวบ้านเจ็บ 9 คน โดยผลการตรวจสอบรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ของครูโรงเรียนบ้านตาโง๊ะ อ.เจาะไอร้อง ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อปี 2555 แล้วคนร้ายชิงรถจักรยานยนต์ไป

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเหตุความมั่นคงเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และขอให้ร่วมกันประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังพยายามยกระดับสถานการณ์ในพื้นที่ ใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน

และปัญหาเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 การผลิตภาคเกษตรหดตัวลงร้อยละ 1.6 และทั้งปีราคาสินค้าเกษตรเฉลี่ยลดลงร้อยละ 6.2 และรายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ 5.3 ขณะที่ปัญหาภัยแล้งยังมีแนวโน้มรุนแรง ตามที่กรมชลประทานรายงานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 ว่า ในฤดูแล้งปีนี้ น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ อยู่ในระดับต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 15 ปี

และเรื่องของการศึกษา ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากแนวคิดของคณะอนุกรรมการปฏิรูประบบผลิตและพัฒนาครู สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ที่ให้แยกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตามระดับการศึกษานั้น จะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในคณะกรรมการคุรุสภา เพื่อสอบถามความเห็น จากนั้นจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษา และจะให้อนุกรรมการศึกษาออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเฉพาะวิชาด้วย ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตและรับครูตรงตามความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครูปฐมวัย ที่มีลักษณะเฉพาะทาง

*-*