หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับราคาสูงเกินกรอบที่รัฐบาลได้คาดการณ์ไว้ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันขึ้นสูงมากภายในสัปดาห์เดียวขึ้นมา 50% จึงต้องหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ปัจจุบันเข้าสู่สถานการณ์ที่วิกฤติพอสมควรแล้ว ราคาพลังงานกระทบปรับเพิ่มขึ้นทั้งโลก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า
-นายกฯ ให้ทุกหน่วยงานไปทำแผนการประหยัดพลังงานมาเสนอ หน่วยงานราชการจะลดการใช้พลังงาน 20% และในบ้านเรือนให้ได้ 10% ก็จะช่วยเพิ่มได้
-ประชาชนต้องช่วยตัวเองด้วย เพราะไทยยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงาน
-การช่วยผู้ใช้น้ำมันเบนซิน จะพิจารณาในส่วนของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกำลังพิจารณาด้วยเช่นกัน
*อย่างไรก็ตาม โดยหลักการ คือ ต้องใช้กองทุนน้ำมันเป็นตัวหลัก เพราะภาษีสรรพสามิตได้ลดไปแล้ว ต้องไปดูว่างบประมาณเงินกู้ที่ให้กับกองทุนน้ำมัน จะใช้ได้นานแค่ไหน ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ ก็ต้องดูแนวทางอื่น
*ซึ่งเป็นไปได้ที่จะขยายเพดานเงินกู้ของกองทุนน้ำมันด้วย
*การชะลอการจ่ายหนี้ในส่วนของลูกหนี้การค้า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน
*ส่วนจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกหรือไม่ ก็ต้องหารือกับกระทรวงการคลัง รวมถึงการตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมด้วย ซึ่งต้องดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร แต่ราคาจะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากไม่ได้เพราะอาจจะเกิดการลักลอบไปในประเทศเพื่อนบ้านได้
สำหรับการผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าอยู่มาก และราคาก๊าซธรรมชาติปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากระดับ 5-10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู มาเป็น 90 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากความตึงเครียดเมื่อรัสเซียจะงดส่งก๊าซให้ยุโรป ทำให้ต้องหามาตรการในการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าอย่างหลากหลาย และพึ่งพาการใช้พลังงานในประเทศให้มากที่สุดเพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง รวมทั้งการใช้เชื้อเพลิงทดแทน จากประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้จะมีการพิจารณาการเพิ่มสำรองน้ำมันในประเทศ จากปัจจุบันการสำรองตามกฎหมายอยู่ที่ประมาณ 60 วัน จะหารือ ในกพช.เพื่อพิจารณาการเพิ่มสำรองน้ำมันตามกฎหมายมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นบ้าง จึงต้องปรับระยะเวลาสำรองมากขึ้น โดยต้องดูศักยภาพของการจัดเก็บให้เหมาะสมมากที่สุด และจะได้ความชัดเจนหลังการประชุม กพช.
#คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ
#น้ำมันแพง
แฟ้มภาพ