ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่างกฎหมายตามมาตรการบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชนในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวม 3 ฉบับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า การบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น จะช่วยให้ผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และได้รับความเป็นธรรมในการเสียภาษีมากขึ้น รวมทั้งช่วยให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนที่เกิดขึ้นใน Exchange ของประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัยและให้ประชาชนได้มีทางเลือกในการใช้เงินดิจิทัลในอนาคตต่อไป
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คริปโตเคอร์เรนซีเติบโตขึ้นเป็นลำดับ มูลค่าการซื้อขายต่อวันจาก 240 ล้านบาท เป็น 4.8 พันล้านบาท มูลค่าสินทรัพย์จาก 9.6 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.4 แสนล้านบาท ผู้ใช้บริการจาก 1.7 แสนราย เป็น 1.98 ล้านราย เรียกว่าเติบโตค่อนข้างมาก”รวมทั้งเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการทำธุรกรรมต่าง ๆ มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และเป็นการรองรับแนวทางการดำเนินการของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับ ร่างกฎหมายแต่ละฉบับมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
-ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ใน Exchange ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566
-ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. (Retail CBDC) ตามโครงการพัฒนาและทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. สำหรับการใช้งานภาคประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566
-ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่..(พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน เป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุนจากการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน ทั้งนี้เฉพาะผลประโยชน์และผลขาดทุนจากการโอนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลใน Exchange ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ (14 พ.ค. 2561) เป็นต้นไป
#ภาษีมูลค่าเพิ่ม
#คริปโต