กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ข้อความบนทวิตเตอร์ @MFAThai เปิดเผยคำอธิบายการลงคะแนนเสียงของประเทศไทย ที่กล่าวหลังการลงคะแนนเสียง โดย นายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยเร่งด่วนเป็นพิเศษ ครั้งที่ 11 (11th Emergency Special Session of the United Nations General Assembly) วันที่ 2 มีนาคม 2565 มีดังนี้
1.ประเทศไทยได้พิจารณาร่างข้อมติฯ อย่างรอบคอบ และได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนข้อมติฯ เนื่องจากประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อหลักการที่กำหนดไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักการเคารพอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และการไม่ใช้กำลังต่อรัฐต่าง ๆ
2.การที่ประเทศไทยสนับสนุนข้อมติฯ ยังเป็นการย้ำถึงความห่วงกังวลอย่างลึกซึ้งต่อความยากลำบากของ พลเมืองที่เดือดร้อน และผลกระทบด้านมนุษยธรรมต่อบริเวณที่มีการสู้รบและความรุนแรง ในการนี้ เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามพันธกรณีของตนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
3.เรายังมีความห่วงกังวลต่อผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นระเบียบระหว่างประเทศที่อิงพื้นฐานของกฎเกณฑ์ และขอย้ำถึงข้อเรียกร้องให้เกิดสันติภาพและขอให้ทุกฝ่ายเพิ่มการหารือผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้สามารถนำไปสู่การหาทางออกอย่างสันติให้แก่สถานการณ์นี้
กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เปิดเผย ถ้อยแถลงนายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติต่อการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 11 (11th Emergency Special Session of the United Nations General Assembly) เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565
1.ประเทศไทยมีความกังวลอย่างยิ่งต่อการสถานการณ์ความรุนแรงและการปะทะระหว่างกันที่แย่ลง ซึ่งเป็นผลจากการใช้กำลังทหารใน
2. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ใน
3. สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมของผู้ลี้ภัย และผู้หนีการสู้รบมีความน่ากังวลเป็นพิเศษ ประเทศไทยชื่นชมประเทศเพื่อนบ้านของ
4.ประเทศไทยเคารพหลักการตามกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเคารพอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความเป็นเอกราชของรัฐ รวมทั้งการละเว้นการใช้กำลังหรือการขู่ว่าจะใช้กำลังต่อรัฐอื่น เราจึงเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและการปะทะทางอาวุธโดยทันที สถานการณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อโลกในวงกว้าง ซ้ำเติมความเปราะบางด้านมนุษยธรรม และเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้
5. ประเทศไทยขอย้ำคำเรียกร้องให้มีการเจรจาหารือเพื่อหาข้อยุติโดยสันติวิธี และมีทางออกที่ยั่งยืน ผ่านองค์การสหประชาชาติ กลไกระดับภูมิภาค หรือกลไกอื่น ๆ ที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน ในการนี้ ประเทศไทยยินดีต่อการหารือทวิภาคีล่าสุดระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และคาดหวังว่าจะมีผลสำเร็จ
6. ในฐานะประเทศที่รักความสงบ มีความศรัทธาในเจตนาดีของชาติต่าง ๆ และความเข้าอกเข้าใจกันของมวลมนุษยชาติ เราจึงจะยังสานต่อความหวังว่า ในที่สุดทุกฝ่ายจะกลับเข้าสู่เส้นทางของสันติภาพ ความปรองดอง และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
สำหรับการลงมติในการประชุมวาระพิเศษเร่งด่วนครั้งที่ 11 สมาชิกสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) มีประเทศสมาชิก ลงคะแนนเสียงเห็นด้วย 141 เสียง รวมถึงไทย เรียกร้องให้
และ ไม่เห็นด้วย 5 เสียง ได้แก่ เบลารุส เกาหลีเหนือ ซีเรีย เอริเทเรีย และ
#หยุดรุกรานยูเครน
#สหประชาชาติ