รมว.คมนาคม ตรวจเยี่ยมการท่าเรือ เน้นเร่งผลักดันสายการเดินเรือแห่งชาติ พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่3

          การมอบนโยบายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน ให้แก่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการการท่าเรือ

         นายเกรียงไกร กล่าวถึง ผลประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในปี2564ว่าเติบโตขึ้นจากปี 2563 แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ยังดำเนินกิจการและมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2564 มีผลประกอบการอยู่ที่ 6,270 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ 600 ล้านบาท

         ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวถึง ความสำคัญของระบบโลจิสติกส์ในทุกมิติที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยเฉพาะทางน้ำ โดยต้องบูรณาการจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยได้มอบนโยบายการพัฒนาการขนส่งทางน้ำโดยเฉพาะนโยบายในการเร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้เสร็จในปี 2568 และใช้เทคโนโลยที่ทันสมัย พัฒนาระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Port Automatic) เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างแม่นยำเชื่อมต่อกับระบบโลจิติกส์ในประเทศทุกมิติ พร้อมเร่งพัฒนาโครงการ Landbridge เชื่อมต่อท่าเรือทั้งสองฝั่งจากท่าระนองและท่าชุมพร เข้าด้วยกัน เพื่อลดเวลาและลดต้นทุนในการขนส่ง จะเป็นการดึงดูดผู้ประกอบการมาใช้เส้นทางขนส่งเส้นทางนี้ ในการขนส่งข้ามมหาสมุทรจากแปซิฟิคมายังมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งในขณะนี้จำนวนของการขนส่งตู้สินค้าของไทยอยู่ที่ลำดับ21 ของโลก หากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ3 โครงการ Landbridge แล้วเสร็จ มั่นใจว่าท่าเรือไทยจะพุ่งขึ้นในลำดับเลขตัวเดียว

         นอกจากนั้นยังมีนโยบายการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ ในการส่งเสริมพาณิชย์นาวีในการสร้างเส้นทางขนส่ง เบื้องต้นจะจัดตั้งในสายการเดินเรือ Domestic ก่อน ส่วนในระดับ International ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนในการขนส่งทางบก ทางอากาศ และเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ จะเป็นการเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับกองเรือไทย

         รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังให้นโยบายเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางชายฝั่ง และเร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภูมิภาคต่างๆเข้าด้วยกัน รวมถึงขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เชื่อมโยงระบบขนส่งระหว่างประเทศจีนกับท่าเรือกรุงเทพ

          นายศักดิ์สยาม ย้ำว่า นโยบายการพัฒนาการขนส่งทางน้ำจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ20ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นการยกระดับของการท่าเรือไทยไปสู่ระดับโลก หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมกับ คณะกรรมการการท่าเรือ ผู้อำนวยการ และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากร เพื่อตรวจตราและหารือกันถึงการนำนโยบายการพัฒนาการขนส่งทางน้ำมาปรับใช้กับท่าเรือของไทย

#การท่าเรือแห่งประเทศไทย