ราคาน้ำมันโลกพุ่งต่อเนื่อง WTI ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี โอเปกเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน

          ราคาน้ำมันดิบยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 112 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งเหนือ 113 ดอลลาร์ ขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส

          นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนกังวลว่าการที่สหรัฐและชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกพลังงานไปสู่ตลาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) มีมติระบายน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาด

          เมื่อเวลา 20.28 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 8.60 ดอลลาร์ หรือ 8.22% สู่ระดับ 112.10 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2554 ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 8.29% สู่ระดับ 113.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2556

          ส่วนผลการประชุมโอเปกพลัสได้เสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้แล้ว ที่ประชุมมีมติตามข้อตกลงเดิม โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนเม.ย.

          ก่อนหน้านี้ นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐเปิดกว้างที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย แต่ก็จะพิจารณาถึงผลกระทบต่อตลาดโลกและราคาพลังงานในสหรัฐก่อนที่จะมีการดำเนินการดังกล่าว

          เช่นเดียวกับ แคนาดาประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ที่ประชุม IEA มีมติระบายน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาด  หลังการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้เพื่อหารือถึงแนวทางในการสกัดราคาน้ำมัน หลังพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ IEA ประกอบด้วยสมาชิก 30 ประเทศ โดยสหรัฐจะระบายน้ำมันราว 30 ล้านบาร์เรลจากจำนวนทั้งหมด 60 ล้านบาร์เรล ด้านนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้

#ราคาน้ำมันโลกพุ่ง

#WTIสูงสุดในรอบ11ปี