ผลการศึกษาพบว่า ผู้หญิงเป็นเหยื่อภัยธรรมชาติมากกว่าผู้ชาย

ผลการศึกษาจากสถาบันนานาชาติหลายแห่ง ระบุตรงกันว่า ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติมากกว่าผู้ชาย โดยในบางเหตุการณ์มีผู้หญิงเสียชีวิตมากถึงร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด นอกเหนือไปจากวัฒนธรรม และสภาพสังคมยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีความเป็นอยู่ยากลำบากและตกเป็นเหยื่อทางเพศ

โดยในรายงานของธนาคารโลก ยกกรณีของเหตุไซโคลน ถล่มบังกลาเทศเมื่อปี 2534 มีผู้เสียชีวิต 140,000 คน ร้อยละ 90 เป็นผู้หญิง เช่นเดียวกับเหตุไซโคลนนาร์กิสถล่มพม่าเมื่อปี 2551 ที่ 2ใน3 ของผู้เสียชีวิตเกือบ 140,000 คน เป็นผู้หญิง ซึ่งองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกพบว่าสาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็เพราะผู้หญิงว่ายน้ำไม่ได้ และปืนต้นไม้ไม่ได้ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาทางวัฒนธรรม ที่สอนให้ผู้หญิงรอผู้ชายมาช่วยเท่านั้น นอกจากนี้ผู้หญิงยังมีโทรศัพท์เคลื่อนที่น้อยกว่าผู้ชายประมาณ 300 ล้านคน ทำให้ไม่ได้รับแจ้งเตือนภัยอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในโลกกำลังพัฒนา ที่ผู้หญิงมีหน้าที่หาน้ำกินน้ำใช้มาให้คนในครอบครัว แต่ภาวะแห้งแล้งและขาดแคลนน้ำสะอาดทำให้พวกเธอต้องเดินเท้าไปไกลกว่าเดิมเพื่อหาแหล่งน้ำ โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติสำรวจในแทนซาเนียพบว่า เด็กหญิงที่บ้านใกล้แหล่งน้ำมีอัตราการเข้าเรียนสูงกว่าเด็กหญิงที่บ้านไกลแหล่งน้ำประมาณร้อยละ 12 นอกจากนี้ ผลการวิจัยในเอธิโอเปียและบังกลาเทศพบว่า การไปแหล่งน้ำไกลๆ ทำให้พวกเธอเสี่ยงตก เป็นเหยื่อทางเพศมากขึ้น ขณะเดียวกันหลาย ครอบครัวที่หมดเนื้อหมดตัวเพราะภัยธรรมชาติ หาทางอยู่รอดด้วยการให้บุตรสาวแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเธอไม่ได้รับการศึกษา

 

..