มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ร่วมกับ ศูนย์การติดยาเสพติดและ สุขภาพจิต ประเทศแคนาดา (Center for Addiction and Mental Health : CAMH) จัดงานเสวนาโต๊ะกลม "ร่วมมองบทเรียนจากแคนาดา สู่กลไกและมาตรการที่ต้องมีในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง" เพื่อสร้างความตระหนัก และเรียกร้องให้สังคมสนใจข้อกำหนด ตัวบทกฎหมาย ในร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำลังทำประชาพิจารณ์ว่าเหมาะสมกับสังคมไทยประโยชน์ตกกับทุกฝ่าย มาตรการป้องกันติดตามการใช้ พ.ร.บ.เข้มงวดพอหรือไม่
ศ.ดร.เจอเกน เรห์ม (Prof.Dr.Jurgen Rehm) จาก CAMH ให้ข้อมูลถึงบทเรียนของประเทศ แคนาดา ที่เปลี่ยนผ่านนโยบายกัญชาทางการแพทย์ไปสู่กัญชาเพื่อความบันเทิงว่า แคนาดามีประสบการณ์ กัญชาทางการแพทย์มาอย่างยาวนานถึง 17 ปี ก่อนจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศรายได้สูงที่ปลดล็อค ให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการได้นั้น รัฐจะต้องกำหนดมาตรการ ที่สามารถลดความเสี่ยงการใช้กัญชาในทางที่ผิดในกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน และต้องบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้อย่างจริงจัง ซึ่งอย่างน้อยมาตรการควบคุมควร จะต้องครอบคลุมมาตรการตรวจหาสาร THC ในผลิตภัณฑ์ผสมกัญชาต่าง ๆ และการตรวจบัตรแสดง อายุของผู้ซื้อ”
ส่วนกรณีอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ รัฐบาลใช้กรอบแนวคิดทางด้านสาธารณสุขมาควบคุม การใช้กัญชาในทางที่ผิด มากกว่าที่จะปล่อยให้ใช้กัญชาได้อย่างอิสรเสรี แคนาดามีประชาชนใช้กัญชาทั้งทางการแพทย์และเสพติดอยู่ราว 4 แสนคน จาก ประชากร 35 ล้านคน โดยเปอร์เซ็นต์ประชาชนที่ใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันคิดเป็น 25% ของประชากรทั้งหมด ในจำนวนนี้จะมีผู้ขอเข้ารับการบำบัดปีละ 75,000-100,000 คน กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่รัฐ ต้องสูญเสีย นอกจากนี้ปัญหาจากกัญชาไม่ใช่แค่ป่วย แต่คือการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และการอุบัติเหตุ
ขณะที่ ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล เครือข่ายนักวิชาการด้านการเฝ้าระวังด้านนโยบาย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ มสช. ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวิเคราะห์สาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับประชาพิจารณ์โดย อย. เปรียบเทียบกับมาตรการในประเทศแคนาดาที่นับเป็นประเทศที่ 2 ที่อนุญาต ให้สูบได้แบบถูกกฎหมายแต่ยังถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติดนั้น พบว่ามีความหละหลวม ละเลย ในหลายจุด เช่น ไม่มีข้อจำกัดในการครอบครอง ในขณะที่แคนาดาให้ครอบครองกัญชาแห้งได้ไม่เกิน 30 กรัมต่อคน ส่วนการ ปลูกต้นกัญชาไว้ใช้ในครัวเรือนนั้นอนุญาตให้ปลูกได้บ้านละ 4 ต้น และต้องมีระบบติดตามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในเขตบ้านที่ปลูกกัญชา และต้องปลูกในบริเวณที่ไม่เห็นจากบริเวณพื้นที่สาธารณะ เช่น ถนน หรือสวน สาธารณะ
แต่ในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ของไทยโดย อย.ไม่มีระบุไว้ แม้แต่ระดับสาร THC ก็ไม่มีระบุไว้ และอ้างว่าจะไประบุในกฎหมายลูก แต่ที่แคนาดาเรื่องซีเรียสเขาจะระบุในกฎหมายหลักไว้เลยหรือแม้แต่ เรื่องการโฆษณา ในแคนาดาการโฆษณาเกี่ยวกับกัญชาต้องได้รับอนุญาต และห้ามใช้ดารา การ์ตูน หรืออะไรที่ดึงดูดความสนใจของเด็กและเยาวชนให้มาทดลอง แต่ของไทยกลับเขียนระบุไว้กว้าง ๆ ว่าถ้าต้องการโฆษณากัญชาต้องขออนุญาต ยกเว้นการโฆษณาชิ้นส่วนของกัญชาที่รัฐมนตรีกระทรวง สาธารณสุขยกเว้นให้
ส่วนตัวมองว่าเป็นร่างกฎหมายที่เขียนเอื้อให้กำหนดความเข้มข้นทีหลัง ทั้งที่ควร ตั้งค่าความเข้มข้นในระดับมาตรฐานไว้ก่อน ในแคนาดายังมีการทำแสตมป์เก็บภาษีกัญชาหากปลูกเชิง เศรษฐกิจเพื่อเอารายได้เข้ารัฐ และยังเป็นการควบคุมไม่ให้มีบริโภคกัญชามากเกินไปในอีกทางหนึ่ง เป็นต้น ยังตั้งข้อสังเกตถึงการเปิดเสรีกัญชาของประเทศไทย ที่ถูกปูมาให้เข้าใจว่าเป็นกัญชาทางการแพทย์ มาตลอด แต่วันนี้เริ่มพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าทิศทางกัญชาไทยมุ่งเน้นผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ โดยไม่ คำนึงถึงโอกาสที่จะมีการใช้กัญชาในเชิงนันทนาการด้วย และการปลดชื่อกัญชา กัญชง ออกจากชื่อยาเสพติด ให้โทษประเภทที่ 5 เหลือเพียงสารสกัดที่ได้จากพืชกัญชา กัญชง ที่มีปริมาณสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก ให้ถือเป็นยาเสพติดให้โทษ ข้อกำหนดตรงนี้ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง และส่งผลให้เกิดการใช้ในทางที่ผิด จำนวนมาก
พล.ต.นพ.พิชัย แลงชาญชัย ประธานชมรมจิตเวชศาสตร์การเสพติดแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การใช้กัญชาในฐานะยาเสพติดในประเทศไทยว่า กัญชาเป็นสารเสพติด พอเสพติดแล้วก็เลิกยาก เวลาเมาสารก็ทำให้เกิดอาการทางจิตได้ มีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่าสัมพันธ์ กับการเกิดโรคจิต โรคซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย และกัญชายังมีผลต่อการพัฒนาการทางสมองของเด็ก และวัยรุ่น ทำให้สติปัญญา สมาธิ ความจำแย่ลง รวมถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การกระตือรือล้น การคิด ตัดสินใจ การยับยั้งช่างใจ ผลการเรียนก็จะแย่กว่าเด็กที่ไม่สูบ ถ้าปลดล็อคและอนุญาตให้ใช้กัญชาได้ถูกกฎหมาย ก็จะทำให้การเสพกัญชาเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีคนติดมากขึ้น ส่งผลให้คนเป็นโรคจิตโรคซึมเศร้ามากขึ้น
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาผู้ป่วยจิตเวชจากกัญชาในโรงพยาบาลของรัฐเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 บาทต่อคน ใช้เวลา ประมาณ 1 เดือนในการรักษา แต่ก็มีไม่น้อยที่กลับมารักษาซ้ำ และข้อมูลจาก ป.ป.ส.พบว่าในปี 2562 มีผู้เสพผู้ใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงในประเทศไทยราว 1.7 ล้านคน ในจำนวนนี้มีคนที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ 150,000 คน และ 10% ของคนที่ใช้สม่ำเสมอ หรือ 15,000 คน ต้องการเข้ารับการบำบัด เท่ากับรัฐเสีย ค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุขถึง 300 ล้านบาท จึงมีคำถามว่าระบบสาธารณสุขของไทยรองรับได้แค่ไหน ถ้าอนาคตปลดล็อคมีการเสพการใช้มากขึ้นตัวเลขก็จะยิ่งมากขึ้น แล้วเราดูแลเขาได้มั้ย
ข้อมูลจาก รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2564 มีการจับกุมคดียาเสพติดทั้งหมด 337,186 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 350,758 คน พบของกลางที่เป็นกัญชา 41,573 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2563 ที่ของกลางกัญชาอยู่ที่ 9,227 กิโลกรัม เท่ากับเพิ่มขึ้น 32,346 กิโลกรัม หรือร้อยละ 450.5%
ขณะที่ช่องทางการค้าขายยาเสพติดในปี 2564 นอกจากการค้ายาเสพติดแบบทั่วไปแล้ว ยังพบว่ามี การใช้ช่องทางออนไลน์ทั้ง Line Twitter Facebook Instagram ฯลฯ โดยเฉพาะช่องทาง Twitter ได้รับความ นิยมสูงสุด ควบคู่กับการส่งยาเสพติดทางพัสดุไปรษณีย์ในการกระจายยาเสพติดไปสู่กลุ่มผู้เสพมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชนที่ซื้อขายยาเสพติดเกือบทุกชนิดอย่างแพร่หลาย มีการแจ้งราคาขายชัดเจน มีช่องทางการส่งให้เลือกหลากหลาย เช่น นัดรับส่งผ่านไปรษณีย์ทั้งของรัฐและเอกชน ยิ่งปัจจุบันธุรกิจ โลจิสติกส์ในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น ทำให้การขนส่งสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ผศ.ดร.อุษณีย์ พึ่งปาน นักวิจัยอาวุโส จากศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากมีนโยบายเดินหน้าเรื่องกัญชา และมีการ ปลดล็อคกัญชาจากบัญชียาเสพติด พบว่าปัจจุบันคนมีการใช้กัญชาหลงไปในทางอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย บางคนเอากัญชามากินแทนผักกับลาบก็มี และเข้าใจไปว่ากัญชาคือยารักษาสารพัดโรค ขณะที่งานวิจัยของ ทางศูนย์ฯ ที่เก็บตัวอย่างทั้งน้ำและอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาเมื่อ ธ.ค. 2564 และ ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามีค่า THC เกิน 0.2% ถึง 20% โดยผู้ประกอบการไม่ได้ตั้งใจจะใส่เกิน แต่กระบวนการผสมนั้น ไม่ได้มาตรฐาน หลายผลิตภัณฑ์เป็นของโอท็อปผลิตในชุมชน ดังนั้นการคุมโดยการเขียนกฎหมายมันจะไม่ เกิดผลอะไรขึ้น เรียกได้ว่าคุมไม่อยู่ แต่เราจะมีกลยุทธ์อย่างไรให้เกิดการปฏิบัติได้จริง ต่างหากที่สำคัญ
#กัญชงกัญชา
#กฎหมายคุมยาเสพติด