*ตร.เผยคนร้ายที่อุ้มหญิงทิ้งบางบ่อไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รอสอบปากคำผู้บาดเจ็บ-แท็กซี่*

07 มีนาคม 2558, 14:41น.


หลังจากการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่น.ส. ชนิตา กินนิส อายุ 38 ปี ถูกคนร้ายประกบใช้อาวุธปืนจ่อทำร้ายมัดมือและรัดคอนำไปทิ้งไว้ข้างสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ใกล้กับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบค อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ แต่ไม่เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามกอล์ฟได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลบางบ่อ และย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎในเวลาต่อมา พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า วันนี้ผลประชุมเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตัวเองได้ดูภาพรวมเป็นหลักและได้ตั้งคณะทำงานสอบสวนขึ้นมาติดตามคดีแล้ว ซี่งจะต้องไล่ดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่หน้าห้างเซ็นทรัล สาขา รามอินทราที่เป็นจุดที่นส.ชนิตา ถูกคนร้ายใช้ปืนจี้ขึ้นรถ ว่ารถแท็กซี่ได้ขับไปเส้นใดบ้าง ส่วนสาเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งและให้น้ำหนักเท่ากันทุกด้าน  ทั้งประเด็นส่วนตัว การลักทรัพย์ หรือประเด็นที่อาจจะเชื่อมโยงกับคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยจะต้องเข้าสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎ อีกครั้งซึ่งจะต้องดูว่าแพทย์อนุญาตให้สอบปากคำได้ช่วงใด เพื่อรวบรวมข้อมูลต่อไป โดยขณะนี้น.ส.ชลิตา อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดคุ้มกันที่โรงพยาบาล



ส่วนความเกี่ยวข้องที่ว่าน.ส.ชนิตา สนิทสนมกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และเป็นลูกสาวภรรยาคนที่ 2ของนายธนยศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปีที่เป็นเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ นามสกุล "ปทุมวาสนา"  ซึ่งถูกฆ่ายกครัวเมื่อปี 2552  ส่วนตัวยังไม่ทราบ และคงเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งจะต้องรอสอบปากคำนส.ชนิตาในประเด็นนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ตำรวจได้ออกภาพสเก็ตช์คนร้ายแล้ว ซึ่งพบว่าเป็นผู้ชายอายุ 25-30 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม. ผิวดำ สวมแว่นดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามกอล์ฟสามารถจำใบหน้าได้ เนื่องจากคนร้ายได้นั่งแท็กซี่เข้าไปในซอยผ่านตู้ยามของสนามกอล์ฟและพาน.ส.ชนิตาลงจากรถ ก่อนที่จะให้รถแท็กซี่ขับออกมา และตัวเองจึงทิ้งนส.ชนิตาข้างทาง เนื่องจากเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว และได้เดินออกผ่านตู้ยามดังกล่าว โดยพล.ต.ท. อำนวย ระบุว่า จากพฤติการณ์นี้ทำให้เชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่มืออาชีพ เนื่องจากไม่มีความรอบคอบในการลงมือ ไม่สังเกตชีพจรนส.ชนิตาว่าเสียชีวิตหรือยัง รวมทั้งยังปรากฎตัวให้ผู้อื่นจดจำใบหน้าได้ พร้อมระบุว่า คนร้ายมีความประสงค์ต่อทรัพย์ สังเกตได้ว่าแหวนเพชร 2 วงของนส.ชนิตาหายไป ซึ่งน่าจะเป็นคนร้ายหยิบไป รถแท็กซี่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับคนร้าย เนื่องจากขับออกมาก่อน หากมีการร่วมมือกัน รถแท็กซี่คงอยู่รอรับคนร้ายกลับ ทั้งนี้รู้หมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่และตัวคนขับแล้ว โดยจะประสานมาให้ปากคำใน 1-2 วันนี้ต่อไป เชื่อว่าอีกไม่นานคดีจะมีความชัดเจนขึ้น



ธีรวัฒน์ 

ข่าวทั้งหมด

X