รัสเซีย-ยูเครนผลกระทบด้านพลังงาน ถึงไทย วางแผนเตรียมรับมือ
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้เริ่มทยอยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้ความเคลื่อนไหวของรัสเซียต่อการปฏิบัติการในยูเครน แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมันและ LNG เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลางประมาณร้อยละ 55 และนำเข้าจากรัสเซียเพื่อกลั่นเพียง 5.22 ล้านลิตร/วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด และในส่วนของ LNG ประเทศไทยนำเข้าจากต่างประเทศประมาณร้อยละ 18 จากหลากหลายแหล่ง ซึ่งทางกระทรวงพลังงานก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจะเป็นเรื่องของราคาพลังงาน ซึ่งจากที่สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าเริ่มมีการใช้กำลังทางทหารเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว รวมถึงสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการผลิตน้ำมันของโลกที่ยังมีจำกัดทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงพลังงานได้ใช้มาตรการที่มีอย่างต่อเนื่องและยังคงเตรียมมาตรการที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม และขอยืนยันว่า จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเกิดผลกระทบวงกว้างทั่วโลก แต่กระทรวงพลังงานจะยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่ในการบรรเทาให้เกิดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด และขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์วิกฤตนี้และร่วมกันใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ปริมาณสำรองพลังงาน โดย ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 3,200 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,460 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,670 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน แบ่งเป็น น้ำมันดิบ 27 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 13 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 12 วัน ส่วน LPG สำหรับในภาคครัวเรือนใช้ได้ 16 วัน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งเหนือ 105 ดอลลาร์ หลังจากที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารบุกโจมตียูเครน ณ เวลา 17.51 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 7.93 ดอลลาร์ หรือ 8.61% สู่ระดับ 100.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 8.8% สู่ระดับ 105.26 ดอลลาร์
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557
ด้านนายแมทธิว สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน คาดการณ์ว่า การขนส่งน้ำมันและพลังงานอื่นๆจะยังไม่ถูกกระทบจากการโจมตีของรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียจะยังคงส่งออกก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในยูเครน นอกจากนี้ นายสมิธคาดว่าสหรัฐและชาติตะวันตกจะไม่คว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย เนื่องจากยังคงต้องพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซีย
#น้ำมันโลกพุ่ง
#ยูเครนรัสเซีย