*อินเดียสอบเหตุฝูงชนรุมทำร้ายผู้ต้องหาคดีข่มขืนจนเสียชีวิต*

หลังจากเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อประชาชนบุกเข้าไปภายในเรือนจำในเมืองดิมาปุระ รัฐนาคาแลนด์ของอินเดีย เพื่อไปนำตัวนักโทษ ที่ถูกระบุชื่อว่า ไซเยต ฟาริด ข่าน พ่อค้ารถมือสองในคดีข่มขืน นำตัวออกมาประจานไปตามท้องถนนและรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ล่าสุด เจ้าหน้าที่เรือนจำ 3 คนถูกสั่งพักงาน ขณะที่ทางการสั่งให้มีการสอบสวนกรณีนี้จนต้องมีการประกาศเคอร์ฟิวในเวลาต่อมา มีรายงานระบุว่า ตำรวจที่มีจำนวนน้อยกว่าฝูงชนที่มีประมาณ 90,000 คน ไม่กล้าเข้าไปห้ามตอนที่ผู้ต้องหาถูกลากไปตามถนนแต่ได้พยายามเข้าไปเอาศพหลังถูกแขวนประจานที่หอนาฬิกา คณะรัฐมนตรีรัฐนาคาแลนด์ ได้จัดประชุมฉุกเฉินและตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อหาสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้น และตรวจสอบว่า มีข้าราชการพลเรือนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และมีบุคคลหรือกลุ่มใดที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ต้องหา

เหตุการณ์บานปลายเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะเข้าไปเอาศพของนายข่านออกมา แต่ฝูงชนพากันขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บหลายคน จนตำรวจต้องเข้าสลายฝูงชนด้วยการยิงขู่ แต่กระสุนได้ไปถูกผู้ประท้วงวัย 25 ปีคนหนึ่ง เสียชีวิตและแพทย์ได้ยืนยันในเวลาต่อมาว่า เขาถูกยิงเข้าที่หน้าอก 2 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก5 คน ทำให้กลุ่มฝูงชนตอบโต้ด้วยการวางเพลิงรถบัสกำลังพลสำรองของทางการ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังย่านปูรณา บาร์ซา ซึ่งเป็นที่ตั้งร้านของนายข่าน  และมีรายงานว่าบ้านและร้านค้าในละแวกนั้นโดนวางเพลิงไปหลายหลัง ทำให้รัฐอัสสัมที่อยู่ใกล้เคียงต้องออกประกาศเตือนภัยในระดับสูง เนื่องจากเชื่อว่า นายข่านมาจากรัฐอัสสัม และบางรายงานระบุว่า เขาเป็นผู้อพยพชาวบังคลาเทศ

นายข่าน ถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนนักศึกษาหญิงชาวนาคาคนหนึ่งหลายครั้ง ก่อนถูกจับเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และสหพันธ์นักศึกษานาคา ร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ในท้องถิ่น ได้เรียกร้องให้จัดการเดินขบวนในวันพฤหัสบดี เพื่อประท้วงการกระทำของนายข่าน แต่เมื่อถึงวันเกิดเหตุ สถานการณ์ได้ลุกลามบานปลายจนนำไปสู่การรุมประชาทัณฑ์ในที่สุด ทางการได้แสดงความวิตกว่า พวกกลุ่มหัวรุนแรงอาจฉกฉวยประโยชน์จากความไม่สงบในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองดิมาปุระ บอกว่า สถานการณ์ยังคงตึงเครียดและการบังคับใช้เคอร์ฟิวจะดำเนินต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ 

นายทารัน โคคอย มุขมนตรีรัฐอัสสัม ได้ประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอๆกับการกระทำของผู้ต้องหาคดีข่มขืนที่สมควรถูกประนามพอๆ กัน แต่ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย