สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ ดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก เฝ้า ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 13 ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัส สรุปความว่า การพบปะกันครั้งนี้ขอให้ถือว่าเป็นการพบกันของเพื่อน ซึ่งล้วนควรมีความปรารถนาดีต่อกัน อันจะยังให้เกิดสันติสุขในหมู่มวลมนุษยชาติ พร้อมทั้งมีรับสั่งเล่าประทานว่าภายในบริเวณวัดราชบพิธเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดราชบพิธ ซึ่งมีนักเรียนผู้นับถือศาสนาต่างๆ ทุกศาสนามาใช้เล่าเรียนและพำนัก ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนา ศาสนาอิสลาม หรือศาสนาคริสต์ ต่างได้มาศึกษาร่วมกัน เรียนรู้วิถีชีวิตของกันและกัน แม้ในอดีตชุมชนใกล้เคียงกันกับวัดราชบพิธก็มีชาวมุสลิมอาศัยร่วมอยู่ด้วย การอยู่ร่วมกันของศาสนิกชนต่างศาสนาในสังคมไทยจึงดำเนินไปโดยสงบสุขเป็นปรกติ
คนไทยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมประเพณีของศาสนาอิสลามมานานแล้วอย่างน้อยตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมีชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายหรือรับราชการในเมืองไทย มีผู้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสกุลใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ในส่วนพระองค์เคยเสด็จไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีประชากรคนไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมาก ทรงสังเกตว่าทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม ต่างใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสันติตามหลักศาสนา ยามที่ชาวมุสลิมมีการงานประเพณีใด ชาวพุทธก็นำสิ่งของไปช่วยงาน ในขณะที่ถ้าชาวพุทธมีการงานประเพณีใด ชาวมุสลิมก็นำสิ่งของมาช่วยงานเช่นเดียวกัน ทรงสามารถยืนยันได้เพราะได้เคยทอดพระเนตรเห็นประจักษ์มาด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์มีพระบรมราชปณิธานที่จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา พระบรมราโชบายเช่นนี้จึงทำให้เมืองไทยร่มเย็นด้วยสามัคคีธรรมเสมอมา
เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก กราบทูลแสดงความปีติยินดีและสนองพระดำรัสรับทราบเรื่องราวดังกล่าวด้วยความซาบซึ้ง รู้สึกยินดียิ่งที่สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันโดยสันติ ทั้งขอชื่นชมบทบาทของผู้นำศาสนาที่ธำรงไว้ซึ่งความกลมเกลียวใกล้ชิดกันอย่างนี้เสมอ บรรยากาศการที่ได้มาเฝ้าในวันนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันและการทำงานร่วมกัน ถ้าตราบใดเมืองไทยยังมีบุคคลอย่างเช่นสมเด็จสังฆราชทรงเป็นแบบอย่าง ตราบนั้นย่อมจะมีแต่ความสงบสุข
นอกจากนี้ ยังกราบทูลถวายคำยืนยันว่า บุคคลใดยุยงให้ผู้คนในสังคมรู้สึกแตกแยกบาดหมางกันโดยอ้างความแตกต่างกันทางศาสนา บุคคลนั้นไม่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมที่แท้จริง หากทุกคนยังยึดมั่นในหลักศาสนา ประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ในที่สุด เพราะการก่อให้เกิดความร้าวฉานนั้นเป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของศาสนาใดๆ ในโลก ผู้ที่กระทำการเช่นนั้นต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง
#ศาสนาพุทธ
#สันนิบาตมุสลิมโลก
CR:เพจ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช