*การค้า- การท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซียผ่านด่านสะเดา จ.สงขลาทำรายได้ปีละกว่าหมื่นล้านบาท*

การค้าการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) พาชมแหล่งการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียทางด่านสะเดา  ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นด่านที่ข้ามจากฝั่งไทย ไปยังประเทศมาเลเซีย  และเป็นด่าน 1ใน 3 ของจังหวัดสงขลา ที่สามารถข้ามไปมาเลเซียได้ นอกเหนือจากด่านปาดังเบซาร์ และด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี  โดยประชาชนบริเวณด่านสะเดา ฝั่งไทยจะประกอบอาชีพค้าขาย เป็นหลัก ส่วนฝั่งมาเลเซีย จะมีร้านดิวตี้ฟรี. ,และคาสิโน น.ส.ญาติกา แก้วบริสุทธ์ พนักงานการตลาด 7 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ เล่าให้ฟังว่า ด่านชายแดนสะเดา เป็นด่านชายแดนหลักที่ประชาชน ฝั่งไทย และมาเลเซีย จะใช้เดินทางเข้าออก และขนส่งสินค้า  โดยด่านนี้ไทยจะส่งออกสินค้า ประเภท ผัก ,น้ำตาล ,ยางพารา ,ผลไม้ เช่น กล้วย มังคุด มะม่วง เป็นหลัก  ส่วนฝั่งมาเลเซียจะนำเข้า น้ำมันพืช ,น้ำมันปาล์ม ,และผักจากประเทศจีน เข้ามายังประเทศไทยซึ่งเส้นทางนี้ยังมีประชาชนฝั่งมาเลเซีย เดินทางเข้ามายังไทยเพื่อซื้อสินค้าฝั่งไทย ตามห้างสรรพสินค้า ,และท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ มากถึงปีละ 2ล้านคน และทำรายได้ทางด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลามากถึงปีละ 10,000ล้านบาท  แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับคนไทย ข้ามไปฝั่งมาเลเซีย ยังถือว่าน้อยกว่า เพราะมีเพียงปีละประมาณ 1ล้านกว่าคน ซึ่งมักจะเดินทางไปซื้อของ ,เข้าไปเล่นคาสิโน และเดินทางไปเรียนฝั่งมาเลเซีย โดยเฉพาะระดับมหาวิทยาลัยฯทั้งนี้ขั้นตอนการเดินทางจากไทย ข้ามไปฝั่งมาเลเซีย  ถ้าท่องเที่ยวอยู่ริมรั้วชายแดน ไม่ต้องทำเรื่องขอเพื่อข้ามแดน  แต่ถ้าไประยะทางเกิน 3กิโลเมตร แต่ไม่ถึง 10กิโลเมตร ต้องทำเอกสารบอเดอร์พาส ข้ามแดน ซึ่งจะอยู่ในมาเลเซีย ได้ 2วัน แต่ถ้านักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าไปในมาเลเซีย เกิน 10กิโลเมตร ก็จะต้องใช้เอกสารพาสปอร์ต ซึ่งสามารถอยู่ได้ 30วันอย่างไรก็ตามบรรยากาศบริเวณด่านชายสะเดา วันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ และวันแรกช่วงสุดสัปดาห์ ก็คึกคักซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย  ส่วนอากาศในวันนี้ร้อนมากด้วยเช่นกัน

วิรวินท์