ไม่ใช่ ‘รามเกียรติ์’ นายกฯพร้อมแก้ไข-แกนนำฝ่ายค้าน เรียกร้อง 'ลาออก' บริหารงานผิดพลาด

17 กุมภาพันธ์ 2565, 13:45น.


          การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แบบไม่ลงคะแนน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า การบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวผิดพลาดในทุกด้านของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำและทรุดตัวมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หนี้ครัวเรือนของประชาชนและอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ ก็สูงขึ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 2 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 2 หมื่นคน ขณะที่มาตรการป้องกันและแก้ปัญหาก็ไม่มีความชัดเจนแน่นอนกลับไปกลับมา  พร้อมเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพราะจะลาออกจะแก้ปัญหาเร็ว เพื่อมีครม.ใหม่ หรือประกาศยุบสภา มอบอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ เชื่อจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด แพงทั้งแผ่นดินจะแก้ไขได้





           ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจง ว่า ตนได้รับฟังคำชี้แจงที่สมาชิกได้กล่าวมา ซึ่งตนพร้อมจะรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปแก้ไขได้ ก็พร้อมรับไปดำเนินการ แต่ขณะนี้เกิดหลายสถานการณ์พร้อมกัน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามดำเนินการมาโดยตลอด และตนก็ไม่ได้ทำคนเดียว เพราะต้องทำงานร่วมกับคณะทำงานต่างๆ ทั้งรัฐมนตรี และข้าราชการทั้งประเทศจำนวนหลายแสนคน ที่ได้ช่วยการทำงานในช่วงที่ผ่านมา จากข้อมูลที่ท่านกล่าวมายังไม่ได้ลงในรายละเอียด ซึ่งคณะรัฐมนตรีของตนพร้อมจะชี้แจง เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังแต่โจทย์อย่างเดียว แต่ให้ได้รับฟังการแก้ปัญหา ความก้าวหน้า และหลักคิดต่างๆ อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ และความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศที่ฟังอยู่ ตนเคยคุยกับนพ.ชลน่าน ครั้งหนึ่ง ซึ่งนพ.ชลน่าน ได้บอกกับตนว่า เข้าสภาควรจะวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ ให้ตนเล่นบทพระราม พระลักษณ์ อะไรทำนองนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็เล่นบททศกัณฑ์ ตนคิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์หรอก แต่ท้ายที่สุดรามเกียรติ์ คงรู้อยู่แล้วว่าทศกัณฑ์ตอนท้ายเป็นอย่างไร ส่วนตัวไม่อยากไปกล่าวอะไรให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน และพยายามระวังตัวที่สุด



          พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมแบบปี 2557 ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งมาตามรัฐธรรมนูญ 2560 และคนที่อยู่ในอำนาจเดิมก็มาทำหน้าที่ใหม่ ตามรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายใหม่ ซึ่งในครม.นี้ มีอยู่ 4 คนที่ซ้ำจากเดิม นอกนั้น 32 คนเป็นคนใหม่ทั้งหมด นโยบายต้องต่างกันแน่นอน ส่วนเรื่องการก่อหนี้สาธารณะ การขยายเพดานหนี้ และราคาน้ำมันแพง เราก็ชี้แจงได้หมด สถานการณ์วันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เป็นสถานการณ์ที่เป็นวิกฤตการณ์ของโลก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้น การแก้ไขปัญหาต้องมีความยุ่งยาก มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปแก้ปัญหาทั้งหมด ทั้งในเชิงโครงสร้าง เรื่องกลไก วิธีการ และกฎหมาย



          ส่วนการแก้ปัญหาโควิด-19 วันนี้เราจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ เพราะเมื่อทุกอย่างปรากฏออกมาแล้ว คือมีการพัฒนา การวิเคราะห์ และการวิจัยออกมาแล้ว จนเป็นผลสัมฤทธิ์ เราก็สามารถจัดหาวัคซีนได้ครบ จนประเทศไทยอยู่ในสถานะประเทศที่ได้รับการยอมรับ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และระบุว่า ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม ตนคิดว่าการเยียวยาที่เหมาะสมของท่านคืออะไรหรือ คือการช่วยเหลือให้เงิน การสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งท่านมองในแง่งบประมาณ เวลาเอาเงินกู้มา ก็บอกว่ากู้ไม่ทั่วถึง และเพิ่มหนี้สาธารณะ ซึ่งต้องบอกว่าไม่มีใครทำโดยไม่ดูกฎหมาย ซึ่งตนให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ เรื่องการแก้ปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 เรามีแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ทำอยู่แล้ว อย่าพูดลอยๆ หลายคนบอกว่าจะแก้ PM 2.5 แต่อยากให้เอาแค่การแก้ปัญหาจราจรให้ได้ก่อน ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปทุกประเทศเป็นแบบนี้ ตนเอาทุกอย่างเข้าประยุกต์ใช้ ไม่ได้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน เพื่อตอบสนองความพอใจของคนบางคน ตนไม่ทำแบบนั้นแน่ แต่จะทำให้คนไทยทุกคนมีความสุขอย่างแท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม พูดยังไงก็ได้ให้คนเชื่อให้คนรัก นั่นไม่ใช่ตน เพราะตนพูดด้วยความจริงใจ



          พล.อ.ประยุทธ์  ย้ำในประเด็น การบริหารที่ส่อไปในทางทุจริตส่งผลกระทบต่องบประมาณ อย่าพูดคำนี้กับตน หากไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ตนยืนยันว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ถ้าตนยังอยู่ จะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และตัวตนเอง ส่วนเรื่องการเยียวยาผ่านโครงการคนละครึ่งที่มีหลายเฟส ตนไม่ได้ต้องการทำเพื่อคะแนนเสียงทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เงินเหล่านี้ไปถึงประชาชนโดยตรง



          ส่วนการเปิดประเทศทำให้เกิดสภาพคล่องของการค้า บนความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19 เจอตรวจสอบครบก็รักษา หลายประเทศเลิกทำวิธีนี้แล้ว แต่ตนยังเข้มงวดอยู่ สังคมเราอ่อนไหว เราจึงต้องทำให้สังคมเข้มแข็ง ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ ต่างประเทศเขาเปิดประเทศไปเลย เพราะเขาเอาคำว่าชาติมารวมพลังกัน ศาสนา วัฒนธรรม สถาบันก็มี แต่แตกต่างกัน เขาเอาสถาบันเหล่านี้ มาเชิดชูความเป็นหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่เอามาสร้างความแตกแยก แต่แน่นอนถ้ามองในมุมของประชาธิปไตย ทุกประเทศในโลกมีปัญหาแน่ วันนี้สิ่งที่ตนเป็นกังวลที่สุดคือ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ที่ชินแล้วกับการใช้คำพูด วาจาและกิริยาหยาบคาย เคยชินกับความรุนแรงและฝ่าฝืนกฎหมาย ท้ายสุดกลับมาด่าเจ้าหน้าที่ แล้วเราจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ ถ้าจะอยู่กันแบบนี้ต่อไป ก็เป็นความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล



         ก่อนการประชุมสภาฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานประชุมส.ส.พรรค เรียกประชุมรัฐมนตรี แกนนำและส.ส.พรรค ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง



          พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามถึงการกำชับส.ส.ให้เข้าร่วมประชุมรวมถึงความกังวลในการอภิปรายครั้งนี้โดยรีบเดินเพื่อกลับไปปฏิบัติภารกิจประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ



          ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุมโดยขอบคุณสมาชิกที่มีส.ส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมมากเป็นอันดับที่หนึ่ง ขอให้รักษาการทำหน้าที่ตรงนี้ไว้ และวันนี้ขอให้สมาชิกเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี และในช่วงที่รัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจงก็ขอให้นั่งอยู่ในห้องเพื่อเป็นกำลังใจขณะที่หัวหน้าภาคทั้ง 10 ภาค สลับกันนั่งอยู่ในประชุม โดยแบ่งช่วงเวลาให้หัวหน้าภาค คนใด ต้องอยู่ในห้องประชุมบ้าง ช่วงแรกตั้งแต่เวลา09.00-11.00 น. 12.00น.-17.00 น. 18.00น-21.00 น.เพื่อไม่ให้บรรยากาศในที่ประชุมส.ส.ของพรรคดูน้อยเกินไป



          และหลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ จะกำหนดนัดประชุมใหญ่สามัญพรรคประจำปี ในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ โดยระหว่างพักจะดูแลและสนับสนุนการลงพื้นที่ของส.ส.ตลอด3 เดือนอย่างเต็มที่



 



#ไม่ไว้วางใจ



#การเมืองไทย

ข่าวทั้งหมด

X