นายสตีเฟน เบร็นน็อค จากบริษัท PVM ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายน้ำมันดิบของอังกฤษ เปิดเผยว่า หลังราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงสุดในรอบ 7 ปี ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ราคาน้ำมันดิบร่วงเกือบร้อยละ 2.5 มาอยู่ที่ 94.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงถอนกำลังทหารจากชายแดนติดต่อกับยูเครนกลับฐานที่ตั้งในวันนี้
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดเวสต์เท็กซัส สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.7 อยู่ที่ 92.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังมีสัญญาณชี้ว่า ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์การเมือง ระหว่างรัสเซียกับยูเครน เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ล่าสุด สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัสหลุดระดับ 92 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังรัสเซียได้ถอนกำลังทหารบางส่วนที่ติดกับชายแดนยูเครน เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 3.62 ดอลลาร์ สู่ระดับ 91.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 95 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ท่ามกลางความกังวลที่ว่าสหรัฐและชาติตะวันตกอาจคว่ำบาตรรัสเซีย หากมีการโจมตียูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย
นอกจากนั้น นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก ชาติมหาอำนาจและอิหร่านได้กลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ที่กรุงเวียนนา ขณะที่สหรัฐได้เข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวทางอ้อม หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากการเจรจาในปี 2561
ขณะที่ ตลาดหุ้นกรุงลอนดอน อังกฤษ ขานรับข่าวดีเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นอังกฤษ FTSE 100 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อยู่ที่ 7,584 จุด ขณะที่ดัชนี FTSE 250 ปรับขึ้นร้อยละ 0.8 อยู่ที่ 21,790 จุด
ขณะที่ราคาทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสำหรับการลงทุน ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.5 มาอยู่ที่ 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์
#ตลาดหุ้นและน้ำมันดิบ
#วิกฤติยูเครน