หลังจากร้อยละ 92 ของประชากร 3.2 ล้านคนของมองโกเลียรับวัคซีนครบโดสแล้ว และอีกกว่าร้อยละ 50 ของกลุ่มเป้าหมายเช่น บุคลากรการแพทย์และผู้สูงอายุรับวัคซีนเข็มที่สามแล้ว นายกรัฐมนตรีลุฟซันนัมสไร โอยุน-เออร์เดเน ของมองโกเลีย แถลงว่า คณะรัฐมนตรีมองโกเลียมีมติให้ปรับลดระดับความเสี่ยงของโรคโควิด-19 จากสีส้มมาเป็นสีเหลือง มีผลคือ ยกเลิกข้อจำกัดการทำธุรกิจทุกอย่าง และเปิดชายแดนระหว่างประเทศ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอีกครั้ง
แต่รัฐบาลมองโกเลียจะยังคงรณรงค์ให้ประชาชนทำตามมาตรการสาธารณสุขอื่นๆเช่น การสวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือและเว้นระยะห่าง 1 เมตร เพื่อความปลอดภัย
มองโกเลียปิดประเทศตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่พบผู้ป่วยคนแรกในเดือนมี.ค.63 ทั้งใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้น เช่น การล็อกดาวน์ศูนย์กลางการแพร่ระบาดมาหลายครั้ง ปิดห้างร้าน รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด กระทบต่อธุรกิจ การส่งออกและมีคนงานหลายแสนคนถูกเลิกจ้าง
เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว ผู้นำคนก่อนคือ นายคูเรลซูค อุคนา (Khurelsukh Ukhnaa) ประกาศลาออกจากนายกรัฐมนตรีมองโกเลีย หลังเกิดเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย้ายสตรีคนหนึ่งที่ติดโรคโควิด-19 และเพิ่งคลอดทารกน้อย ไปรักษาอาการป่วยที่ศูนย์ควบคุมโรคแห่งหนึ่ง โดยให้มารดาพร้อมทารกใส่ชุดคนไข้ แม้ว่าอากาศหนาวจัด อุณหภูมิติดลบ 25 องศาเซลเซียส
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ มองโกเลีย พบผู้ป่วยใหม่ 609 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 457,475 คน เสียชีวิต 2,148 ราย
#มองโกเลีย
#เปิดประเทศ