ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ของสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 6 ประเทศ/ดินแดนในรายชื่อพื้นที่เสี่ยงสูงสุด หรือพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 (very high risk) ได้แก่ เกาหลีใต้ อาเซอร์ไบจาน เบลารุส คอโมโรส(อยู่นอกชายฝั่งทางตะวันออกของแอฟริกา) เฟรนช์พอลินีเชีย(ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก) และเกาะแซ็งปีแยร์และมีเกอลง(ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสทางตอนใต้ของเกาะนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา) ซึ่ง CDC เตือนชาวอเมริกันให้เลี่ยงเดินทาง
แต่ในกรณีมีความจำเป็นต้องเดินทาง CDC แนะนำให้เฉพาะคนที่รับวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางได้ แต่ให้สวมหน้ากากอนามัยที่มีมาตรฐานการกรองเชื้อโรคและมลพิษทางอากาศ เช่น รุ่น N95, KN95 หรือ KF94 ตลอดเวลาการเดินทาง ทั้งให้เลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆที่มีผู้คนแออัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส เนื่องจากเราไม่ทราบว่าผู้คนที่เราเข้าไปใกล้รับวัคซีนครบโดสหรือยัง
สำหรับหลักเกณฑ์ของ CDC ในการพิจารณากำหนดให้ประเทศ/ดินแดนใดเป็นพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 คือ มีผู้ป่วยใหม่กว่า 500 คนต่อประชากร 100,000 คนในรอบ 28 วัน ปัจจุบัน มี 140 ประเทศอยู่ในกลุ่มพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 จาก 80 ประเทศเมื่อเดือนมกราคม ชี้ว่า การระบาดทั่วโลกของไวรัสโอไมครอน ทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่อยู่ในรายชื่อพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 เช่น เม็กซิโก แคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน เปรู สิงคโปร์และญี่ปุ่น
ส่วนพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 3 เสี่ยงสูง (high risk) CDC เพิ่มเติมอีก 4 ประเทศ/ดินแดนเข้ามาในกลุ่มนี้ คือ เอลซัลวาดอร์ เอสวาตินี(ในทวีปแอฟริกา) อินโดนีเซีย และเกาะมอริเชียส(ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย) หลักเกณฑ์การจัดให้ประเทศ/ดินแดนใดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงกลุ่มนี้คือ มีผู้ป่วย 100-500 คนต่อประชากร 100,000 คนในรอบ 28 วันที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 50 ประเทศ/ดินแดน เป็นพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 3 รวมถึงประเทศไทย
ส่วนพื้นที่เสี่ยงระดับ 2 เสี่ยงปานกลาง(moderate risk)และพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 1 เสี่ยงต่ำ (low risk)ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมในรอบสัปดาห์นี้
#สหรัฐฯ
#เตือนภัยพื้นที่เสี่ยงโควิด