ฝรั่งเศส ยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

          ไวรัสโอไมครอนยังคงแพร่ระบาดในฝรั่งเศสแม้ว่า จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่อาการป่วยไม่หนัก ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสจึงปรับแผนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็ว นายกรัฐมนตรีฌ็อง กัสเต็กซ์ เปิดเผยว่า ฝรั่งเศสยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ไม่มีการจำกัดจำนวนคนที่เข้าไปชมการแสดงคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬาและกิจกรรมอื่นๆ อีกต่อไป เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2565)

          สำหรับเรื่องการทำงานที่บ้าน (homeworking) นายกัสเต็กซ์ กล่าวว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะไม่บังคับให้บริษัทเอกชนอนุญาตให้คนงานทำงานที่บ้านอีกต่อไป เพียงแต่เสนอแนะภาคเอกชนอนุญาตให้ทำงานที่บ้านต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ถ้าทำได้ 

          นายกัสเต็กซ์ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จจากมาตรการให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป แสดงบัตรรับรองการฉีดวัคซีนครบสองโดส (vaccination pass)ในกรณีเข้าไปยังสถานที่สาธารณะบางแห่ง เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา บาร์ โรงภาพยนตร์ ตลอดถึงการใช้ระบบคมนาคมระยะไกลๆ เช่น รถไฟ รถทัวร์และเครื่องบินโดยสาร ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม จะทำให้ฝรั่งเศสสามารถเดินหน้าปลดล็อกมาตรการควบคุมโรคที่เหลืออยู่คือ แผนการเปิดไนท์คลับตามปกติในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ หลังปิดมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน

          นอกจากนั้น ฝรั่งเศส จะอนุญาตให้จัดพื้นที่ยืนชมการแสดงคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬาและกิจกรรมอื่นๆ ทั้งจะอนุญาตให้ประชาชนสามารถรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มในสนามกีฬา โรงภาพยนตร์และระบบขนส่งสาธารณะด้วย

          ฝรั่งเศสมีผู้ป่วยสะสม 19.55 ล้านคน เสียชีวิต 131,312 ราย ร้อยละ 78 ของประชากร 67 ล้านคนของฝรั่งเศสรับวัคซีนครบสองโดส และอีกร้อยละ 49 รับวัคซีนเข็มที่สามหรือวัคซีนบูสเตอร์แล้ว

#ฝรั่งเศส

#คลายมาตรการคุมโควิด