สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพที่ชาวบ้านกังวลว่าจะเป็นคราบน้ำมันในพื้นที่ ต.บ้านกรูด อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากเหตุการณ์เรือ ป.อันดามัน 2 ของบริษัทไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมง จำกัด บรรทุกน้ำมันดีเซล (น้ำมันเขียว) จำนวน 5 แสนลิตร จอดทอดสมอ และอับปางลงบริเวณอ่าวไทย ห่างจากปากน้ำชุมพร ประมาณ 24 ไมล์ทะเล พบว่าว่าไม่ใช่คราบน้ำมันที่รั่วไหลจากเหตุการณ์เรืออับปางที่จ.ชุมพร พบเป็นเพียงการเกิดแพลงก์ตอนบลูม ทำให้น้ำทะเลมีสีเขียวมีกลิ่นคาวคล้ายพืชทะเลเน่าเหม็น จากการตรวจสอบพื้นที่ชายหาดหลายๆพื้นที่ โดยรอบ พบการเกิดแพลงก์ตอนบลูมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
แพลงก์ตอนบลูม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี โดยในระยะ 3 - 5 ปี ที่ผ่านสามารถพบเห็นได้ประจำ ปีละประมาณ 2 - 3 ครั้ง ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริเวณชายหาดบางแสน ก็เคยประสบเหตุการณ์แพลงก์ตอนบลูม ส่งผลให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม กรกฏาคม และสิงหาคม สาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่ทะเลจนทำให้แพลงก์ตอนได้รับสารอาหารและเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อออกซิเจนในน้ำทะเลหมดลง แพลงก์ตอนก็จะตายจนทำให้น้ำทะเลกลายสีเขียว หรืออาจเป็นช่วงที่เปลี่ยนฤดูจึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น น้ำทะเลที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือแพลงก์ตอนบลูมไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล เพียงแต่อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำ เนื่องจาก บางจุดจะมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง และหวั่นว่าจะเกิดผลกระทบต่อผิวหนัง หากบางคนผิวแพ้ง่ายอาจทำให้มีผื่นคันได้ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าหากมีลมทะเลพัดแรงเพียง 4-7 วัน ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านนายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า บริเวณชายฝั่งทะเลพื้นที่ อ.บางสะพาน ยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจาก อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 25 ไมล์ทะเล และอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลพื้นที่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ กว่า 100 ไมล์ทะเล ด้วยระยะทางไกลประกอบกับเกิดเหตุหลายวันแล้ว แสงแดดกระทบผิวน้ำมันส่งผลให้เกิดการระเหยเพราะเป็นน้ำมันดีเซล ต่างจากกรณีน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลที่จ.ระยอง ซึ่งเป็นน้ำมันดิบ ประกอบกับพื้นที่ทางทะเลของจังหวัดชุมพร มีเกาะและอ่าวโค้งเว้า หากเกิดคราบน้ำมันจะช่วยป้องกันไม่ให้ไหลออกนอกพื้นที่ สถานการณ์ขณะนี้จึงถือว่าไม่น่าเป็นกังวลที่จะเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
นายธวัช เจนการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เปิดเผยว่า อุทยานเฝ้าระวังเรื่องคราบน้ำมัน มีการจัดชุดลาดตระเวนบริเวณชายหาดแม่รำพึงจนถึงเมื่อคืนนี้ประมาณ 22.00 น. และเช้านี้ก็ตรวจสอบอีกไม่พบคราบน้ำมัน นอกจากนี้ เมื่อเช้านี้ใช้เรือยางตรวจสอบในทะเล ก็ยังไม่พบคราบน้ำมันเช่นกัน ส่วนอ่าวพร้าว ก็มีการตรวจสอบไม่พบคราบน้ำมันเช่นกัน พร้อมทั้งส่งนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ดำสำรวจดูปลาและปะการังด้วย
#เจ้าท่าประจวบฯ
#แพลงก์ตอนบลูม
CR:กรมเจ้าท่า