ราชวิทยาลัยลอนดอน หรืออิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน เปิดเผยรายงานที่พบว่า โควิดโอไมครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอังกฤษแล้ว และผู้ป่วยโควิดโอไมครอนมากกว่า 2 ใน 3 เป็นการติดเชื้อซ้ำ
โดยในรายงานวิจัย REACT (Real-time Assessment of Community Transmission) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 และมีการตรวจสอบตัวอย่างจากผู้ป่วย 100,607 คนในช่วงระหว่างวันที่ 5 ถึง 20 มกราคม (2565) พบว่าร้อยละ 99 คือโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่เหลืออีกร้อยละ 1 คือโควิดสายพันธุ์เดลตา
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มตัวอย่าง 3,582 คน ที่มีผลการตรวจ PCR พบว่า ติดเชื้อในเดือนมกราคม 2 ใน 3 ของกลุ่มนี้เคยติดเชื้อโควิด-19 และยังมีอีกประมาณร้อยละ 7.5 ที่สงสัยว่าเคยติดเชื้อโควิดแต่ไม่มีผลตรวจยืนยัน
คณะผู้วิจัยย้ำว่า การฉีดวัคซีน และวัคซีนเข็มกระตุ้น คือแนวทางหลักในการป้องกันโควิด ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ถึงความแตกต่างของเชื้อโควิดว่า เมื่อเชื้อโควิดรุ่นก่อนแพร่ระบาดในหมู่ประชากร ผู้ที่หายป่วยแล้วจะมีภูมิคุ้มกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้บางส่วน แต่มีความกังวลว่ากรณีนี้จะไม่เกิดขึ้นกับโอไมครอน จึงอาจต้องมีมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการฉีดวัคซีน หากอัตราการติดเชื้อโอไมครอนยังคงมีอยู่สูงมาก แม้ว่า มีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดอาการรุนแรง
...
#อังกฤษ
#โควิดโอไมครอน
#ติดเชื้อซ้ำ