กรณีทางจังหวัดสงขลา รวมทั้งปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบห้องเย็นของ บริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.จะนะ จ.สงขลา กรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกร และพบเนื้อสุกรในสต็อคเป็นของ บริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม ใน จ.พัทลุง เข้ามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าวจำนวน 211,361 กิโลกรัม ในช่วง 3 เดือน และมีการนำออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงได้อายัดไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ม.ค.
พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า ในส่วนของเนื้อสุกรในสต็อกดังกล่าวนั้น ทางด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้ทำการถอนอายัดแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นในส่วนของกระบวนการตรวจสอบของทางปศุสัตว์ รวมทั้งได้ขอดูเอกสารใบรับเข้าสุกรที่ห้องเย็น ก็มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์แนบมาด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่ผิดปกติ ที่เหลือจึงรอแค่ตรวจตรวจสอบเอกสารบัญชีให้ตรงกันเท่านั้น
ส่วนทางคดีนั้นเบื้องต้นพบว่า มีการกระทำผิดใน 3 ประเด็น ตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ ทั้งในเรื่องการแจ้งการครอบครอง การแจ้งปริมาณสินค้า และการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกักตุนหรือไม่ อย่างไร ซึ่งขณะต้องรอการชี้แจง และเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากทั้ง 2 บริษัท ที่จะมายื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาในเร็วๆนี้ และหากมีความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งได้รับความมือจากทั้ง 2 บริษัท และพร้อมให้ความเป็นธรรม
ล่าสุด บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า การจัดการสต็อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต็อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
ก่อนหน้านี้ นายสัตวแพทย์ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา เผยว่า ในกรณีนี้จากข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ในช่วง 3 เดือน ของ บริษัท เบทาโกร พบว่า มีปริมาณสูงกว่าปกติตามที่ปรากฏ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยย้อนหลังไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 64-เดือน ม.ค. 65 พบว่า มี
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบยอดเนื้อสุกรและเอกสารที่ไม่ตรงกับยอดสุทธิอยู่ประมาณ 205,833 กิโลกรัม จึงเกิดข้อสงสัย และตรงตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมปศุสัตว์ หากพบการเคลื่อนย้ายที่ผิดปกติต้องรีบรายงาน จึงมีการแจ้งเรื่องไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทางจังหวัดสงขลา และเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้
ด้าน นางฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของห้องเย็นนั้นมีความผิดตรงที่ไม่ได้แจ้งการครอบครองไปที่พาณิชย์จังหวัดให้ได้รับทราบตามที่กำหนด อีกทั้งผู้เลี้ยงหรือเจ้าของสุกรก็จะต้องแจ้งข้อมูลสุกรให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบด้วยเช่นเดียวกัน จากการพูดคุยกับทั้งทาง บริษัท เบทราโกร ที่เป็นเจ้าของเนื้อสุกร และห้องเย็น บริษัท ปิติซีฟูดส์ ที่รับฝากเนื้อสุกร ระบุว่า มีเอกสารหลักฐานการจัดทำบัญชีครบ และจะเร่งนำส่งให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้รับทราบโดยเร็ว
#ถอนอายัดเนื้อหมู
#ห้องเย็นสงขลา