พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ร่วมกับ นายไพรัตน์ รุ่งสว่าง ปศุสัตว์อำเภอคลองหลวง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวม 100 นาย เข้าตรวจสอบบริษัทเอส แอล พิทักษ์จำกัด เลขที่ 17/54 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งประกอบกิจการจำหน่ายชิ้นส่วนสุกร หมูแปรรูป วัตถุดิบหมูกระทะ ที่เพิ่งเปิดกิจการได้เพียง 2 เดือน โดยมีพนักงานแปรรูปชิ้นส่วนสุกรด้านใน และภายในห้องเย็นมีการแช่แข็งชิ้นส่วนสุกรอยู่จำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบปริมาณที่คงเหลือด้านใน
นายไพรัตน์ เปิดเผยว่า ปศุสัตว์อำเภอคลองหลวงตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการกระทำความผิด เพราะเนื้อสุกรที่ชำแหละมายังสถานที่แห่งนี้ นำมาแบบผิดเงื่อนโดยบริษัทนำเข้าสุกรที่ชำแหละแล้วมาจากเขตสายไหม กทม.ถ้าจะเอาชิ้นส่วนสุกรมาจากสายไหม เข้ามา จะต้องมีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์จากสายไหมมาด้ว
นายอธิศ บุณยบุตร นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ครอบครองเนื้อสุกรชำแหละเนื้อสุกรปริมาณตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณการซื้อ จำหน่าย ใช้ส่งออก รับฝาก ปริมาณคงเหลือ ราคาจำหน่าย ซ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทใหญ่มีการชำแหละสุกรที่เขตสายไหม กทม.มีการแจ้งไว้แล้วกับกรมการค้าภายใน ซึ่งขณะนี้พาณิชย์ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานตามข้อกล่าวอ้างหากไม่มีการแจ้งต้องดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลจากปัญหาราคาสินค้าเฉพาะสุกรมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะเกิดจากการกักตุนสินค้าทาง ผบ.ตร.ได้มีการกำชับให้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจแหล่งต่างๆ ห้องเย็น ห้องเก็บสินค้าแหล่งที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการกักตุนเนื้อสุกร วันนี้ทางตำรวจ ได้ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด ฝ่ายปกครอง มีการบูรณาการตรวจ 3 เป้าหมาย เพื่อตรวจสอบ หากพบมีการกระทำผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณหมูที่บริษัท พิชชา มีท กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดกลาง รองรับได้ 50 ตัน จากการตรวจสอบพบว่า มีสต็อกเข้าออกทุกวัน โดยจะมีการรับส่งเนื้อหมูตามออเดอร์ และจะไม่เก็บไว้นาน เพื่อรักษาคุณภาพไม่ให้ลดลง และอาจสูญเสียน้ำหนักลงไปได้ สำหรับหมูแช่แข็ง จะมีการจัดส่งตามออเดอร์ไปยังร้านอาหารต่างๆ เช่น หมูสไลด์ หมูสำหรับทำสเต๊กเป็นประจำทุกวัน สำหรับปริมาณสต็อกหมูชำแหละทั่วประเทศที่ได้รับแจ้ง ตามประกาศ กกร. ณ วันที่ 17 ม.ค.65 มีปริมาณรวม 8,352 ตัน
การเก็บสต็อกหมูจำนวนมากของห้องเย็นขนาดกลางและใหญ่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดบูรณาการกับจังหวัดออกตรวจสอบ หากตรวจแล้วพบว่าไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)กำหนดให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกหมู ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไปแจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.นี้เป็นต้นไปเพื่อดูแลปริมาณหมูและสต็อกหมูที่มีอยู่ทั้งประเทศนั้น
#เคลื่อนย้ายหมู
#หมูหาย