นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ กล่าวในวันนี้ (20 ม.ค.) ว่าหากการแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอนในประเทศมีความรุนแรงมากขึ้น จะมีการพิจารณาเพิ่มข้อจำกัดที่มีความเข้มงวดเพื่อควบคุมโรคระบาด แต่จะไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์
การควบคุมอย่างเข้มงวดและความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ช่วยให้นิวซีแลนด์ปลอดจากโควิดโอไมครอนในชุมชน แม้ว่าจะมีรายงานพบผู้ติดเชื้อหลายคนในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศ นายกรัฐมนตรี อาร์เดิร์น กล่าวว่า หากพบการแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอนในชุมชน ภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมงทุกคนจะเข้าสู่ “สัญญาณสีแดง” ในทันที ซึ่งหมายถึงการที่จะต้องสวมหน้ากากอนามัยและจำกัดการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งเธอระบุว่า ในที่สุดแล้วโควิดโอไมครอนจะมาถึง ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมตัวเพราะจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มจากหลักร้อยเป็นหลายพันคนในเวลาเพียง 14 วัน
ชาวนิวซีแลนด์ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีประมาณร้อยละ 93 ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน โดยประมาณร้อยละ 20 ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว แต่จะต้องเพิ่มการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากขึ้นอีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่ามีหลักฐานจากนานาประเทศที่แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันโควิดโอไมครอนได้ดี
นิวซีแลนด์ปิดรับชาวต่างชาติตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 และเริ่มเปิดรับชาวต่างชาติใหม่ระยะแรกตั้งแต่กลางเดือนนี้ (ม.ค.) ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องเข้ากักตัวในสถานที่ซึ่งรัฐจัดให้ แต่ในสัปดาห์นี้ทางการหยุดการอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น
...
#นิวซีแลนด์
#โควิดโอไมครอน