ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ของสหรัฐฯได้เพิ่มเติม 22 ประเทศ/ดินแดน รวมทั้งอาร์เจนตินาและออสเตรเลีย เข้ามาอยู่ในรายชื่อพื้นที่เสี่ยงสูงสุดหรือ พื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 (very high risk)เมื่อวานนี้ โดยมีหลักเกณฑ์การจัดให้ประเทศใดเป็นพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4 คือ มีผู้ป่วยใหม่กว่า 500 คนต่อประชากร 100,000 คนในช่วง 28 วันที่ผ่านมา พร้อมแนะนำชาวอเมริกันให้เลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงในกรณีไม่มีกิจธุระสำคัญเร่งด่วน เว้นแต่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ทั้งเตือนว่าแม้แต่คนที่รับวัคซีนครบโดสแล้วอาจะเสี่ยงติดไวรัสกลายพันธุ์เช่น ไวรัสโอไมครอน
ในกรณีจำเป็นต้องเดินทาง ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขสหรัฐฯแนะนำให้นักเดินทางสวมหน้ากากอนามัยคุณภาพสูงเช่น รุ่น N95, KN95 หรือรุ่น KF94 ทุกครั้งที่อยู่ในอาคารที่มีผู้คนแออัด ซึ่งเราไม่ทราบสถานะเรื่องวัคซีนว่าคนอื่นๆรับวัคซีนแล้วหรือยัง เพื่อความปลอดภัยจากโรคโควิด-19
อีก 20 ประเทศ/ดินแดนที่ถูกเพิ่มเติมในรายชื่อพื้นที่เสี่ยงของ CDC ของสหรัฐฯ ได้แก่ แอลเบเนีย บาฮามาส บาห์เรน เบอร์มิวดา(ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในมหาสมุทรแอตแลนติก) โบลิเวีย หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน(ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในแถบทะเลแคริบเบียน) สาธารณรัฐกาบูเวร์ดี(เกาะทางตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติก) อียิปต์ กรีนาดา(ในแถบทะเลแคริบเบียน) กายอานา(ในทวีปอเมริกาใต้) อิสราเอล ปานามา กาตาร์
เซนต์คิตส์และเนวิส(เกาะในแถบทะเลแคริบเบียน) เซนต์ลูเชีย(ในแถบทะเลแคริบเบียน) เซนต์ลูเชีย(เกาะในแถบทะเลแคริบเบียน) เซาตูแมอีปริงซีป(หมู่เกาะเล็ก ๆ ในอ่าวกินี) ซินต์มาร์เติน(ดินแดนโพ้นทะเลของเนเธอร์แลนด์ในแถบทะเลแคริบเบียน) ซูรินาม (ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้)หมู่เกาะเติกส์และเคคอส(ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในทะเลแคริบเบียน) และอุรุกวัย
ในปัจจุบันมีกว่า 100 ประเทศ/ดินแดนอยู่ในรายชื่อพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 4
นอกจากนี้ CDC ของสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 22 ประเทศ/ดินแดน เช่น ฟิลิปปินส์ คิวบา คอสตาริกา กานา และไนจีเรียมาอยู่ในพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 3 (high risk) สะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น มีหลักเกณฑ์การจัดให้ประเทศใดอยู่ในกลุ่มนี้คือ มีผู้ป่วยระหว่าง 100-500 คนต่อประชากร 100,000 คนในรอบ 28 วันที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย เป็นพื้นที่เสี่ยงระดับที่ 3 ตามประกาศของ CDC ของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมี 57 ประเทศ/ดินแดนเช่นกัน
#สหรัฐฯ
#พื้นที่เสี่ยงสูงสุด