*พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และต้นตำรับยาสมุนไพรไทย*

ถ้าพูดถึงยาสมุนไพรไทยของอภัยภูเบศร ทุกคนคงรู้จักกันดี ช่วงบ่ายนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท.ได้พาไปชมตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พร้อมเข้าชมร้านยาไทยต้นแบบโพธิ์เงิน - อภัยภูเบศร โอสถ ที่จ.ปราจีนบุรี  แพทย์หญิงเบญจวรรณ หมายมั่น แพทย์แผนไทยประยุกต์ ประจำโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เล่าให้ฟังว่า ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างเสร็จเมื่อปีพ.ศ. 2452 ตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก เพื่อให้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   ก่อนจะนำตึกดังกล่าวมาสร้างเป็นโรงพยาบาล และนำมาบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศรในปัจจุบัน  ส่วนโรงพยาบาลย้ายไปยังตึกข้างเคียงเนื่องจากได้รับงบประมาณจากรัฐ โดยในปี 2533 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นโบราณสถานด้วย ปัจจุบันนี้ตึกดังกล่าวได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของตึกได้ฟรี โดยพิพิธภัณฑ์จะเล่าเรื่องราวถึงความเป็นมาของตึกพร้อมกับประวัติของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและช่วงที่สยามต้องต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของต่างชาติในช่วงรัชกาลที่ 5  โดยมีร้านยาไทยต้นแบบโพธิ์เงิน-อภัยภูเบศร โอสถอยู่ฝั่งขวามือของตัวตึก เพื่อใช้รักษาประชาชนตามวิธีการของแพทย์แผนไทยโบราณที่ใช้สมุนไพรไทยรักษาทั้งหมด ซึ่งผู้ที่มารักษาส่วนมากมักจะเป็นผู้มีปัญหาด้านโรคผิวหนัง และระบบเลือดภายในของสตรี  ซึ่งตึกจะเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์และเข้าไปซื้อยาสมุนไพรไทยได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30น.  นอกจากนี้แล้ว  ยังได้เข้าชมศูนย์ยาสมุนไพรที่อยู่ตึกข้างเคียง ซึ่งมีทั้งสบู่ ยาหม่อง ยาแก้ไข ครีมรักษาหน้า ที่ทำจากสมุนไพรไทยแท้ให้เลือกซื้อต่อจากนั้นได้เดินไปยังตึกข้างเคียงที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมอภัยภูเบศร สปา ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนานักบำบัดสปา แลกเปลี่ยนความรู้การทำสปา พร้อมมีบริการน้ำดื่มสมุนไพร และนวดสปาเพื่อผ่อนคลาย โดยเปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-16.30น.

ธีรวัฒน์