นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่ง ออกในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าจะติดลบร้อยละ 2 หลังจากตลาดหลัก คือ ยุโรป และ จีน เศรษฐกิจชะลอตัว บวกกับเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลคู่แข่ง ทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่ทั้งปียังคงเป้าการส่งออกที่โตร้อยละ 1.1-1.5 ด้านนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เสนอให้มีการผลักดันการส่งออกเป็นวาระแห่งชาติเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ไม่ใช่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง และเป็นความร่วมมือของทุกหน่วยงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกของไทย โดยต้องมีการหาตลาดใหม่มุ่งเน้นการทำการค้าและเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง พัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรมใหม่ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก สร้างฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการค้า เช่น ตลาดการค้า คู่แข่งความได้เปรียบเสียเปรียบทางการแข่งขันของไทย การส่งออกภายในเดือนมกราคม 2558 มีมูลค่า 17,249 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงร้อยละ 3.46 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน โดยสินค้าที่มีอัตราการหดตัวสูงสุดได้แก่ยางพารา หดตัวร้อยละ 40.6 น้ำมันสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 28.11 เคมีภัณฑ์หดตัวร้อยละ 21.92 โดยสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากวัฏจักรทางเศรษฐกิจ ส่วนสินค้าส่งออกที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่แผงวงจรไฟฟ้าขยายตัวร้อยละ 21.17 รถยนต์และอุปกรณ์โตร้อยละ 16.07 เหล็กและเหล็กกล้าขยายตัวร้อยละ 9.41 ตลาดการส่งออกที่สำคัญคือตลาดสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงสุดที่ 1,927ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การส่งออกไปจีน หดตัวสูงถึงร้อยละ 19.69 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวลดลงและมีปัญหาเรื่องของโครงสร้างกำลังการผลิตส่วนเกินและสินค้าคงเหลือเป็นจำนวนมากในประเทศ