นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2564 ว่า ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 46.2 สูงสุดในรอบ 9 เดือน จากการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 และมีกำลังซื้อจากโครงการช้อปดีมีคืน และคนละครึ่ง แต่ยังมีความกังวลสถานการณ์โควิด-19 และหมูแพง อาจทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมกราคม 2565 ปรับลดลากยาวไปถึงเดือนมีนาคม 2565 แต่หากควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเดือนมกราคม เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 2
การที่รัฐบาลเปิดประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2564 ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า 90,000 คนต่อเดือน จากที่เคยเข้ามาเพียง 20,000 คน และในเดือนธันวาคมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 100,000 คน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากขึ้น และคาดว่าในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจของไทยก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ภายใต้สถานการณ์ว่าในไตรมาสที่ 1 ต้องมีเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการช้อปดีมีคืน 4 หมื่นล้านบาทจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ต้องถูกใช้ 90,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคม ซึ่งหมายถึงการมีเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกไม่ให้ทรุดลง
และมั่นใจว่าแม้จะมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์อีก เพราะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ โดยในปี 2563 การล็อกดาวน์ทั้งประเทศส่งผลให้เศรษฐกิจเสียหาย 810,000 ล้านบาท และการล็อกดาวน์บางพื้นที่ในปี 2564 ช่วง 2 เดือนส่งผลทำให้เศรษฐกิจเสียหาย 300,000 ถึง 500,000 ล้านบาท
...
UTCC
#ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
#โควิด19