ชาวรัสเซียจำนวนมากร่วมเดินขบวนจากใจกลางกรุงมอสโกไปยังสะพานเกรท มอสโควเรตสกี้ จุดที่นายบอริส เนมต์ซอฟ ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญถูกยิงจนเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งเขามีกำหนดเป็นผู้นำในการเดินขบวนต่อต้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินและสงครามยูเครนใน 1 มีนาคม
ด้านประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เผยแพร่แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า จะทำทุกอย่างเพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุยิงนายเนมต์ซอฟ มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และรับการลงโทษอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน นายปูตินยังได้ส่งข้อความแสดงความเสียใจ ไปยังมารดาของนายเนมต์ซอฟด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจอย่างยิ่ง ต่อข่าวการสังหารนายเนมต์ซอฟ รวมทั้งยังกล่าวด้วยว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อสังคมรัสเซีย
ทั้งนี้ โฆษกคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย ระบุว่า การลอบสังหารมีความเป็นไปได้หลายทาง ทั้งความพยายามสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองในรัสเซีย สถานการณ์ภายในยูเครน และยังมีความเป็นได้ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจของนายเนมต์ซอฟ ตลอดจนความเกลียดชังส่วนบุคคล รวมทั้งยังมีการวิเคราะห์ว่า อาจมีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายเนมต์ซอฟเคยถูกข่มขู่ จากการแสดงจุดยืนเกี่ยวกับกรณีการสังหารผู้สื่อข่าวของสำนักพิมพ์ชาร์ลี เอ็บโด ในฝรั่งเศส
กองกำลังนักรบชาวเคิร์ดในซีเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐ สามารถขับไล่กลุ่มก่อการร้าย รัฐอิสลามหรือไอเอสและยึดคืนเมืองเทล ฮามีซ ในจังหวัดฮัซซาเกห์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศติดพรมแดนอิรัก ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในการควบคุมของกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก นับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือนของกองทัพชาวเคิร์ด
ทางการคูเวตสั่งเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดกลุ่มญาติพี่น้องของ “ญิฮาด จอห์น” หรือนายโมฮัมเหม็ด เอ็มวาซี ผู้ที่ถูกระบุว่าคือสมาชิกกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามหรือไอเอส ทำหน้าที่ฆ่าตัดคอตัวประกันชาวตะวันตกอย่างน้อย 5 คน โดยพบว่า นายเอ็มวาซี เป็นชาวอิรัก แต่มีญาติพี่น้องหลายคนทำงานอยู่ในคูเวต ขณะที่นายเอ็มวาซีและบิดาถือสิทธิ์พลเมืองอังกฤษ เดินทางเข้าคูเวตหลายครั้ง นอกจากนี้เพื่อนของนายเอ็มวาซี ซึ่งเคยเรียนด้วยกันในอังกฤษ 2 คน ก็เข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามและเสียชีวิตระหว่างการสู้รบในซีเรียกับโซมาเลีย
และกระทรวงต่างประเทศอียิปต์แถลงว่า มีชาวอียิปต์เดินทางกลับจากลิเบียแล้วมากกว่า 25,000 คน หลังจากที่กลุ่มไอเอสเผยแพร่ภาพฆ่าตัดคอชาวอียิปต์ที่เป็นชาวคริสต์นิกายคอปติก 21 คนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์
ด้านกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียเปิดเผย ว่าเมื่อวันเสาร์กลุ่มไอเอสในภาคเหนือของซีเรียปล่อยตัวประกันชาวคริสเตียนอัสซีเรีย 29 คนจากที่จับตัวไปมากกว่า 262 คน โดยอ้างว่าเป็นไปตามคำสั่งของคณะลูกขุนศาลศาสนาของกลุ่มไอเอส โดยพบว่า กลุ่มไอเอสมีตัวประกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และควบคุมตัวประกันไว้ในพื้นที่เทือกเขาอับเดลาซิซทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทัลทาเมอร์ นอกจากนี้ ยังมีพ่อแม่ชาวซีเรียที่ส่งลูกๆ ของพวกเขาไปฝึกในค่ายฝึกของกลุ่มไอเอสเพื่อแลกกับเงิน อาหารและเสื้อผ้า โดยมีการจัดตั้งค่ายฝึก3 แห่งใกล้เมืองทัลทาเมอร์
ส่วนที่ญี่ปุ่น ตำรวจควบคุมตัวเด็กชายวัยรุ่น 3 คน อายุ 17 และ 18 ปีที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารเด็กชาย เรียวตะ อุเอมุระ นักเรียนชั้นมัธยมต้น วัย 13 ปี ที่พบศพริมฝั่งแม่น้ำทามะ ในเมืองคาวาซากิ ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยสภาพศพมีบาดแผลจากอาวุธมีดที่บริเวณลำคอของเด็กชาย ทำให้นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจอย่างยิ่งที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น และสงสัยด้วยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบเหตุการณ์อย่างละเอียด และต้องมีการดำเนินมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
พล.ต.เอ็ดมุนโด ปันจิลินัน ผู้นำทางทหารในระดับภูมิภาคแห่งกองทัพฟิลิปปินส์เปิดเผยว่ากองทัพฟิลิปปินส์กำลังมีปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่บนเกาะมินดาเนาพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ เพื่อติดตามนายอับเดล บาซิต อุสมาน ผู้ต้องสงสัยเป็นมือระเบิดคนสำคัญ และหลบซ่อนอยู่กับกลุ่มติดอาวุธบีไอเอฟเอฟ ซึ่งประกาศว่าจะภักดีต่อกลุ่มไอเอส ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งในประเทศอิรักและซีเรีย นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังขึ้นบัญชีนายอุสมานในฐานะคนร้ายที่ทางการสหรัฐต้องการตัวมากที่สุดด้วย โดยมีรางวัลนำจับ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
*-*