สถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เราตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมาเกือบ 2 เดือน ตรวจล่าสุดวันที่ 9 ม.ค.พบเพิ่มขึ้น 715 คน ตัวเลขสะสม 5,397 คน กระจายพบใน 71 จังหวัด เหลือเพียง 6 จังหวัดที่ยังตรวจไม่พบ คือ น่าน ตราด ชัยนาท อ่างทอง พังงา และนราธิวาส จังหวัดที่พบเชื้อโอไมครอนเกิน 100 คน มี 10 จังหวัด คือ
-กรุงเทพ 1,820 คน
-ชลบุรี 521 คน
-ภูเก็ต 288 คน
-กาฬสินธุ์ 249 คน
-ร้อยเอ็ด 237 คน
-สมุทรปราการ 222 คน
-สุราษฎร์ธานี 199 คน
-มหาสารคาม 163 คน
-อุดรธานี 149 คน และ
-ขอนแก่น 136 คน กลุ่มจังหวัดภาคอีสานเป็นการติดเชื้อในพื้นที่เกือบทั้งหมด ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ติดจากคนเดินทางมาจากต่างประเทศส่วนใหญ่
สำหรับการตรวจโอไมครอนยังเป็นการตรวจในผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด และผู้สัมผัสเสี่ยงโอไมครอน ทำให้ตัวเลขสัดส่วนโอไมครอนอาจสูงเกินจริง โดยจะมีการปรับวิธีการสุ่มตรวจ โดยให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 ศูนย์สุ่มตรวจสัปดาห์ละ 140 ตัวอย่างของผู้ติดเชื้อว่าเป็นสายพันธุ์อะไร เพื่อจะได้สัดส่วนสถานการณ์จริง
สำหรับเรื่อง “เดลตาครอน” กรมวิทย์พูดคุยกับ GISAID ที่เป็นระบบฐานข้อมูลกลางโลกเป็นระยะ ซึ่งกรณีรายงานของนักวิทยาศาสตร์ประเทศไซปรัส ส่งข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวเข้ามา 24 ตัวอย่าง พบมีการกลายพันธุ์ทั้งส่วนที่เป็นเดลตาและโอไมครอนอยู่ด้วยกัน จากการพิจารณาจากข้อมูลมาดูพบว่า เป็นอย่างนั้นจริง มีทั้งส่วนของเดลตาและโอไมครอน แต่ส่วนที่เป็นโอไมครอนเหมือนกันทั้งหมด ส่วนที่เป็นเดลตามีความแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าเป็นเชื้อตัวใหม่จริงจะต้องตรวจทั้งสองฟากเหมือนกัน ไม่ใช่ตรวจแล้วฟากหนึ่งแตกต่าง เพราะตอนนี้เชื้อเดลตามีสายพันธุ์ย่อยถึง 127 สายพันธุ์แล้ว
กรณีของไซปรัสที่คนติดเดลตามีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกันไป แต่โอไมครอนเหมือนกันหมด นำมาสู่ข้อสรุปว่า GISIAD ยังจัดชั้นให้การค้นพบทั้ง 24 คนเป็นเดลตา ไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่ โดยโอกาสที่จะเกิดมากสุด คือ การปนเปื้อน หมายความว่าคนติดเชื้อเดลตา ซึ่งเดลตามีหลากหลายสายพันธุ์ย่อย แต่ไปปนเปื้อนสารพันธุกรรมของเชื้อโอไมครอนในตัวอย่างเหล่านั้น จึงพบ 2 สายพันธุ์ในตัวอย่างเดียวกัน หรืออาจเป็น Mix Infection คือ ติดทั้งสองตัวในคนเดียวกัน แต่มีโอกาสน้อยมาก ยิ่งพบถึง 24 คน ที่จะติด 2 สายพันธุ์ จึงมีโอกาสน้อย ส่วนที่จะบอกว่าเป็นไฮบริดตัวใหม่แทบจะเป็น 0 แต่จะติดตามต่อไป
ส่วนข้ออ้างอิงเชิงโฆษณาของชุดตรวจ ATK ที่อ้างว่าสามารถตรวจหาเชื้อโอไมครอนได้นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดำเนินการสุ่มทดสอบชุดตรวจ ATK จำนวน 8 ยี่ห้อ มาทดลองตรวจเชื้อโอมิครอน เมื่อเทียบกับการตรวจด้วย RT-PCR พบว่า หากเชื้อปริมาณมาก หรือค่า CT น้อย ประมาณ 20 กว่า ATK ทุกตัวสามารถตรวจเจอทั้งหมด แต่หากค่า CT มากคือเชื้อน้อยลง คือมากกว่า 25-26 ขึ้นไป RT-PCR ยังตรวจเจอ แต่ ATK ตรวจไม่เจอ เพราะไม่ได้ขยายสารพันธุกรรมแบบ RT-PCR
ดังนั้น ATK ที่ผ่านอนุญาต อย.แล้ว ไม่มีอะไรแตกต่าง ยังตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้เหมือนปกติธรรมดากับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และย้ำว่าไม่มี ATK ตัวไหนที่ตรวจแล้วบอกว่า เป็นโอไมครอนโดยเฉพาะหากเห็นใครโฆษณาตรวจแยกสายพันธุ์ได้คือของเก๊
#โอไมครอน
#โควิด19