ศาลในกรุงเนปีดอว์ เมียนมา มีคำพิพากษาให้จำคุกนางอองซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(NLD)ของเมียนมาอีก 4 ปีจากความผิดฐานนำเข้าและครอบครองอุปกรณ์สื่อสารโดยผิดกฎหมายและละเมิดกฎระเบียบควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อนับรวมกับโทษจำคุก 2 ปีในคดีแรกที่ศาลตัดสิน เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนจากความผิดฐานปลุกปั่นให้ประชาชนต่อต้านการทำรัฐประหารของเมียนมา ทำให้นางซูจี รับโทษจำคุกรวม 6 ปี
ด้านนางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และ นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯ มองการดำเนินคดีกับนางซูจีว่าไม่เป็นธรรม พบพิรุธบกพร่องทั้งในเรื่องกระบวนการพิจารณาทางอาญา เช่น การพิจารณาลับ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าฟังการพิจารณา หวังจะให้นางซูจี รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
อีกทั้งเป็นคดีการเมือง หลายคนเห็นว่าข้อหาต่างๆที่คณะรัฐประหารใช้ในการดำเนินคดีกับนางซูจีตามที่ศาลตัดสินในวันนี้ เกิดขึ้นในวันที่กองทัพบก ภายใต้การนำของพล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผบ.สส.และหัวหน้าคณะรัฐประหารของเมียนมา ทำรัฐประหารและส่งทหารเข้าตรวจค้นบ้านของเธอและค้นพบอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าว
ทั้งนี้ นางซูจี ถูกควบคุมตัวมานับตั้งแต่กองทัพเมียนมา ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีก่อน ถูกดำเนินคดีต่างๆรวมกว่าสิบข้อหา ซึ่งเธอปฎิเสธทุกข้อหา ที่ผ่านมา ชาวบ้านกว่า 10,600 คน ถูกจับกุมจากการประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหาร เสียชีวิต 1,303 ราย
#เมียนมา
#อองซานซูจี