โมเดอร์นาแนะนำคนอเมริกันรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ปลายปีนี้ ต้านไวรัสโอไมครอน

         นายสเตฟาน บันเซล ซีอีโอของบริษัทโมเดอร์นา ผู้ผลิตวัคซีนของสหรัฐฯ เปิดเผยต่อเวทีประชุมด้านสาธารณสุข ซึ่งจัดโดยธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 3 อาจจะค่อยๆลดลง หลังรับวัคซีนแล้ว 2-3 เดือน ทำให้มีความจำเป็นที่ประชาชนในสหรัฐฯจะต้องเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4 ช่วงฤดูใบไม้ร่วง(ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน)ปีนี้ และปีต่อๆไป เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงพอที่จะต้านไวรัสโอไมครอน

         ขณะเดียวกัน บริษัทโมเดอร์นาอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโอไมครอนโดยตรง คาดว่าการวิจัยเรื่องนี้อาจจะใช้เวลามากกว่า 2 เดือนจึงจะดำเนินการเสร็จ

         นายบันเซลแสดงความเห็นเรื่องนี้ หลังนายกรัฐมนตรีนัฟตาลี เบ็นเนตต์ของอิสราเอล อ้างอิงผลวิจัยของอิสราเอลเมื่อวันอังคารว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป บุคลากรการแพทย์และคนไข้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทีมวิจัยอิสราเอลพบว่า คนไข้มีสารแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงกว่าเดิม 4 เท่า เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังรับวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 4

         ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ของสหรัฐฯบ่งชี้ว่าในปัจจุบัน คนไข้ใหม่จากไวรัสโอไมครอนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.4 ของผู้ป่วยทั้งหมดในสหรัฐฯ รองลงมาคือ ผู้ป่วยใหม่จากไวรัสเดลตาซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักก่อนหน้านี้ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.6

         สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 59.56 ล้านคน เสียชีวิต 855,843 ราย

#สหรัฐฯ

#วัคซีนบูสเตอร์