ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯขอให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อคลี่คลายปัญหาวิกฤตในพื้นที่ชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ย้ำคำเตือนเดิมว่า สหรัฐฯจะใช้มาตรการคว่ำบาตร สร้างผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย ถ้าหากประธานาธิบดีปูติน ยังคงเดินหน้าแผนการบุกยึดยูเครนต่อไป
ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากฝ่ายสหรัฐฯและรัสเซีย กล่าวหลังจากผู้นำทั้งสองคุยโทรศัพท์ราว 50 นาทีช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯว่า ทั้งสองฝ่ายไม่บรรลุข้อตกลงในสาระสำคัญๆ แต่อย่างน้อยที่สุด การโทรศัพท์พูดคุยกันในลักษณะเช่นนี้อาจจะนำไปสู่การนัดประชุมแบบเจอหน้ากันในอนาคต
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากสหรัฐฯระบุว่า รัสเซียสะสมกำลังทหารราว 100,000 คนและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าประชิดพื้นที่ชายแดนยูเครน เพิ่มเติมว่านายไบเดนเสนอทางเลือก 2 แนวทางให้กับนายปูตินพิจารณา
ข้อแรกคือใช้แนวทางการทูตคือ การเสนอให้สหรัฐฯเจรจากับยูเครนเพื่อยุติปมขัดแย้งโดยตรง และแนวทางที่สองคือ รัสเซีย เดินหน้ารุกรานยูเครนตามแผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรก หมายความว่าสหรัฐฯจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ตอบโต้รัสเซียอย่างรุนแรง พร้อมทั้งจะร่วมมือกับพันธมิตรทางทหารจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ส่งทหารเข้ามาช่วยเหลือยูเครน
นายปูติน ไม่ได้พูดให้ชัดเจนว่ารัสเซียจะเลือกแนวทางใดในระหว่างสองแนวทางดังกล่าว ทำให้สหรัฐฯต้องกลับมาประเมินสถานการณ์ต่อไปว่า พฤติกรรมของรัสเซียในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารัสเซียเลือกแนวทางใด และใช้มาตรการตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อไป
ด้านนายยูริ อูชาคอฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่านายปูตินเองได้เตือนนายไบเดนตรงๆว่า การคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่จะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ จนถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองขาดสะบั้นด้วย เนื่องจากสหรัฐฯคว่ำบาตรรัสเซียมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ นายไบเดนและนายปูตินได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง แต่ที่ผ่านมาไม่มีท่าทีว่า รัสเซียยอมถอยในเรื่องแผนการรุกรานอาณาเขตทางภาคตะวันออกของยูเครน
#สหรัฐฯ
#รัสเซีย
#แผนรุกรานยูเครน