นายแอนดรูว์ ฟอกซ์-ลูอิส คณะกรรมการสาธารณสุขเขตมานูเกา ในนิวซีแลนด์ และคณะเผยแพร่รายงานศึกษาผ่านนิตยสารโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (Emerging Infectious Diseases) ที่พบว่านักเดินทางที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่แยกกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวแพร่เชื้อให้บุคคลอื่นอีก 3 คนผ่านโถงทางเดิน โดยวิเคราะห์จากภาพกล้องวงจรปิด การทดสอบทางพันธุกรรม และการติดตามผู้สัมผัสอย่างระมัดระวัง แสดงให้เห็นว่าวิธีเดียวที่ไวรัสจะผ่านจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งได้คือการหมุนเวียนอากาศในระหว่างที่ประตูห้องทั้ง 2 ด้านเปิดออกตรงกันในช่วงเวลาสั้นๆ
โดยเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม นักเดินทาง 2 กลุ่มเดินทางมาถึงนิวซีแลนด์และเข้ากักตัวในสถานที่ซึ่งจัดให้ ระหว่างการกักตัวนักเดินทางจากฟิลิปปินส์ 1 คนมีผลการทดสอบเป็นบวกจึงย้ายไปพักในฮอสปิเทล (Hospitel)
ส่วนในกลุ่มนักเดินทางที่มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 5 คน มีสมาชิก 1 คนมีผลการตรวจเป็นบวก เจ้าหน้าที่ย้ายจึงทั้ง 5 คนไปอยู่ในสถานที่เดียวกันและอยู่ห้องตรงข้ามกับผู้ป่วยชาวฟิลิปปินส์
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากห้อง จะเปิดประตูเมื่อมีการตรวจพยาบาลและการจัดส่งอาหารเท่านั้น แต่ไม่ให้เปิดประตูพร้อมกัน อย่างไรก็ตามมีภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าประตูทั้ง 2 ห้องเปิดพร้อมกันอยู่หลายครั้งแม้ว่าแต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็ตาม
ในระหว่างการกักตัว ในกลุ่มชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน แต่การทดสอบทางพันธุกรรม พบว่า พวกเขาติดเชื้อจากผู้ป่วยชาวฟิลิปปินส์ในห้องตรงข้าม คณะนักวิจัย จึงสรุปว่า การส่งผ่านทางอากาศข้ามโถงทางเดินคือคำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุด และผลการวิจัยนี้มีความสำคัญต่อการจัดการและแนวทางปฏิบัติด้านการควบคุมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ในรายงานยังระบุด้วยว่า มาตรการป้องกันและวัคซีนสามารถทำงานได้ดี เนื่องจากในกลุ่มชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีอยู่ 1 คนที่ผลการตรวจเป็นลบโดยตลอด คือ ในการทดสอบวันที่ 14, 18, 21, 27, 29, 31 กรกฎาคม และ 8, 14, 16 และ 23 สิงหาคม ซึ่งนักเดินทางรายนี้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว เป็นวัคซีนไฟเซอร์ 2 โดส ส่วนอีก 4 คนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
...
#นิวซีแลนด์
#โควิด19
#ติดเชื้อระหว่างกักตัว