ดร.สิทิ นาเดีย ทาร์มิซี โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซียอยู่ระหว่างสอบสวนโรค ติดตามกลุ่มเสี่ยงมากักตัวเฝ้าระวัง หลังพบคนไข้ชาย 37 ปีคนหนึ่งติดเชื้อไวรัสโอไมครอน เป็นชาวบ้านจากเมืองเมดัน จังหวัดสุมาตราเหนือ ไม่มีอาการป่วย ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศในช่วง 2-3 เดือนที่แล้ว ทั้งไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับคนที่มาจากต่างแดน นับครั้งแรกที่อินโดนีเซียพบการระบาดในท้องถิ่น ขณะนี้ชายดังกล่าวเข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา หลังจากตอนแรกกักตัวอยู่ในบ้าน ขณะที่ภริยาของชายคนดังกล่าวมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ
จากการตรวจสอบการเดินทาง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซียพบว่าชายดังกล่าวเคยไปยังกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมและไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจทางตอนใต้ของกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ชายคนดังกล่าวไปตรวจโรคโควิด-19 ตรวจแบบทราบผลเร็ว เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมก่อนเดินทางกลับไปที่เมืองเมดัน มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ต่อมาเขาตรวจโรคซ้ำแบบ PCR หรือแบบละเอียด ซึ่งห้องแล็บจีโนมิค โซลิแดริตัส อินโดนีเซีย(Genomik Solidaritas Indonesia)ของอินโดนีเซียยืนยันผลตรวจเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมว่าติดไวรัสโอไมครอน
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียจะยกระดับควบคุมโรคให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงการบังคับกักกัน 10 วันสำหรับผู้โดยสารจากต่างแดน พร้อมทั้งตั้งด่านตรวจในจุดต่างๆเพื่อลดการสัญจรของประชาชนในช่วงเทศกาลวันหยุดช่วงส่งท้ายปี
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย แถลงเมื่อต้นเดือนนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคโดยเคร่งครัด หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซียพบพนักงานคนหนึ่งประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตาที่ใช้เป็นสถานกักตัวผู้โดยสารจากต่างแดนติดเชื้อไวรัสโอไมครอน ในปัจจุบัน อินโดนีเซียพบผู้ป่วยจากไวรัสโอไมครอนรวม 47 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารจากต่างแดน ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ระบุผลวิจัยเบื้องต้นว่า ไวรัสโอไมครอนระบาดไวกว่าไวรัสสายพันธุ์ก่อนๆรวมทั้งเดลตา แต่อันตรายน้อยกว่า
หลังจากไวรัสเดลตาระบาดอย่างรุนแรงในเดือนกรกฎาคม ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ของอินโดนีเซียลดลงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อินโดนีเซียมีผู้ป่วยสะสมกว่า 4.2 ล้านคน เสียชีวิต 144,000 ราย
#อินโดนีเซีย
#ไวรัสโอไมครอน