สถานการณ์โรคโควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) สถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกติดแล้วเกือบ 280 ล้านคน อาการหนัก 8.8 หมื่นคน เสียชีวิตประมาณ 5.3 ล้านราย คิดเป็น 1.94% โดยสหรัฐอเมริกาติดเชื้อสูงสุด อย่างเมื่อวานติดกว่า 2.4 แสนคน รวมทั้งภาคพื้นยุโรป ที่อังกฤษติดแสนกว่าราย ฝรั่งเศส สเปน หลัก 7-8 หมื่นคนต่อวัน ขณะนี้สายพันธุ์ที่ระบาดคือ โอไมครอน สำหรับไทยอยู่อันดับที่ 24ของโลกมีการติดเชื้อรายใหม่ 2,437 คน และเสียชีวิต 18 ราย นับเป็นค่าตัวเลขที่ต่ำที่สุด แต่ข้อสังเกต คือ ขณะนี้เวียดนามมีการติดเชื้อกว่า 1 หมื่นรายต่อวัน
ตั้งแต่มีการระบาดขณะนี้ เป็นเวฟที่ 4 ใหญ่ๆ ซึ่งกำลังไต่ขึ้น คือ การระบาดของโอไมครอนในภาพรวมของโลก แต่เส้นอัตราเสียชีวิตไม่ได้กระดกขึ้นตามอัตราผู้ติดเชื้อ หมายถึงการระบาดของโอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้เสียชีวิตมากขึ้น แสดงว่า อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรง โดยขณะนี้มี 106 ประเทศ
สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.เป็นต้นมา สามารถคัดกรองผู้เข้าประเทศ โดยคิดเป็นโอไมครอนสะสม 514 คน ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม มีบางส่วนที่เล็ดลอดและไปเยี่ยมญาติ อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อก่อนหน้านี้ แต่ต้นเชื้อมีประมาณ 500 กว่าราย ส่วนอาการของผู้ป่วยประมาณ 90% เป็นอาการน้อยหรือไม่มีอาการ อาการเล็กน้อยอยู่ประมาณ 10 กว่า% และอาการมาก 3-4% ทั้งนี้ ที่ประเทศอังกฤษมีการศึกษาและรายงานว่า โอไมครอนเมื่อเทียบกับเดลตา จะน้อยกว่าประมาณครึ่งหนึ่งที่จะต้องไปอยู่ รพ. เมื่อติดเชื้อแล้ว ขณะที่แอฟริกาใต้ก็เช่นเดียวกัน และมักพบว่าเชื้อไม่ได้ลงปอด แต่จะอยู่ที่แถวๆ คอ และหลอดลม
โดยในประเทศไทย จากการศึกษาอาการของคนไข้สายพันธุ์โอไมครอน 41 คน ที่ดูแลในรพ. พบว่า มีอาการไอ มากที่สุด 54% รองมาได้แก่ เจ็บคอ และไข้ อาการได้กลิ่นลดลงพบเพียง 1 คน หรือ 2% ซึ่งทุกรายได้รับการรักษาแต่เบื้องต้น และให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นใน 24-72 ชั่วโมง หลังรับยา และให้จนครบ 5 วัน โดยผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ตั้งแต่เปิดประเทศมาเราพบเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์โอไมครอน
สำหรับผู้เสียชีวิตจากโควิดภาพรวมของวันที่ 27 ธ.ค. มี 18 ราย เมื่อพิจารณาจะพบว่า ผู้เสียชีวิต 70-80% ไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้น การรับวัคซีนจะลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง
#โอไมครอน
#ติดเชื้อต่างประเทศ
#โควิด19