แพทย์หญิงคริสติน เซลวีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาจากสำนักงานสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ออสเตรเลียพบผู้ป่วยจากไวรัสโอไมครอนเสียชีวิตรายแรกของประเทศ เป็นชายวัย 80 ปีเศษ อยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งในย่านพารามัตตา มีโรคประจำตัว รับวัคซีนครบโดสแล้วและเสียชีวิตในโรงพยาบาลเวสต์มีดในนครซิดนีย์เมื่อวาน
แม้ว่าระยะนี้ออสเตรเลียจะมีผู้ป่วยใหม่รายวันในอัตราที่สูง แต่ออสเตรเลียไม่มีแผนยกระดับมาตรการควบคุมโรคให้เข้มข้นขั้นสูงสุด เช่น การล็อกดาวน์ เนื่องจาก อัตราการเข้าโรงพยาบาลยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลีย เพียงแต่กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและค้าปลีกเข้มงวดในการทำตามมาตรการควบคุมโรคที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น
-ให้ลูกค้าอยู่ห่างกัน 1.5 เมตรเพื่อความปลอดภัย
-ให้ลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ดก่อนเข้าไปในร้านค้า
-ให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยในอาคารสาธารณะ
มาตรการดังกล่าว เริ่มจากวันนี้(27ธ.ค.64) ไปจนถึงวันที่ 27 ม.ค.65 เพื่อลดการแพร่ระบาด
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่ ระบุว่า ไวรัสโอไมครอนแพร่ระบาดเร็วกว่า แต่ไม่ทำให้เจ็บป่วยหนักกว่า เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนๆรวมทั้งเดลตา โดยไวรัสโอไมครอน เริ่มระบาดในออสเตรเลียเมื่อต้นเดือนนี้ หลังออสเตรเลีย ยกเลิกมาตรการปิดชายแดนในประเทศ พร้อมทั้งอนุญาตให้ชาวออสเตรเลียที่รับวัคซีนครบโดสแล้วกลับจากต่างแดนโดยไม่ต้องกักตัว ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะนี้ โดยเฉพาะรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรียและรัฐควีนสแลนด์
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดในวันนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมง ออสเตรเลีย พบผู้ป่วยรายใหม่ 9,123 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 311,083 คน เสียชีวิต 2,196 ราย
#ออสเตรเลีย
#ไวรัสโอไมครอน