สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าค่าฐานที่ 50 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนเมษายน เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นฯ ผู้ประกอบการ SMEs รายภูมิภาค ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 46.1 มาอยู่ที่ 52.1
โดยรายงานดัชนี SMEs ภาคการผลิต เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 49.4, การค้า 49.5, การบริการ 51.1 และธุรกิจการเกษตร 57.2 โดยภาคการบริการ มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ สาขาบริการการท่องเที่ยว การขนส่งมวลชน (ไม่ประจำทาง) บริการเสริมความงาม/สปา/นวดเพื่อสุขภาพ ร้านอาหาร บริการสันทนาการ/วัฒนธรรม/กีฬา และโรงแรม/ที่พัก เป็นผลเนื่องมาจากนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
คาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 58.1 จากแนวโน้มการขยายตัวของยอดขายสินค้าและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับทราบรายงานแล้ว และมีความพึงพอใจเนื่องจากเป็นผลมาจากการผ่อนปรนให้มีการดำเนินธุรกิจมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการและธุรกิจรายย่อย จึงให้ทุกหน่วยงานหมั่นประเมินและปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเสริมแกร่งให้กลุ่มธุรกิจสามารถฟื้นตัว และกลับมาเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งล่าสุด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม อนุมัติสินเชื่อพิเศษ “ดีพร้อมเปย์” กรอบวงเงิน 30 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และต่อยอดธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังฝากถึงผู้ประกอบทุกไซส์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ต้องเคร่งครัดมาตรการควบคุมโควิด-19 ป้องกันการแพร่ระบาดในสถานประกอบการ เพราะจะเป็นปัจจัยลบส่งผลต่อกำลังการผลิตและความเชื่อมั่นด้วย
....
#ดัชนีความเชื่อมั่น